เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กรณีพบภาคเอกชนแอบอ้างว่าได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ทาง อย. ขอย้ำว่า พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 กำหนดให้การขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือครอบครองกัญชาต้องดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น และการผลิต นำเข้า ส่งออกต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้
โดยใน 5 ปีแรก ผู้ขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออกต้องเป็นหน่วยงานรัฐหรือผู้ขออนุญาตอื่น (เช่น วิสาหกิจชุมชน ฯลฯ) ที่ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับอนุญาตการปลูก จำนวน 17 ราย เช่น องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกร่วมกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา จ. ลำปาง โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรร่วมกับวิสาหกิจชุมชนรักจังฟาร์มเมล่อน จ. นครราชสีมา ส่วนรายชื่อสถานที่ที่ได้รับอนุญาตอื่นสามารถเข้าไปสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ของ อย. http://cannabis.fda.moph.go.th/consumer-search/
ทั้งนี้ ผู้ปลูกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท และหากเป็นการปลูกเพื่อจำหน่ายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อบริษัทเอกชนที่แอบอ้างว่าได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือปลูกกัญชา และขอย้ำอีกครั้งว่า ขณะนี้กฎหมายยังไม่อนุญาตให้บริษัทเอกชนดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ผู้ที่สนใจขอให้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจาก อย. และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเกี่ยวกับกัญชาได้จากเว็บไซต์ข้างต้น