ฟ้อง“เจียไต๋" 100 ล้าน ชดเชยเสียหายพิษพาราควอต

นายปฏิวัติ เฉลิมชาติ ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคอีสาน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ว่า วันที่ 4 มีนาคม 2563 ศาลจังหวัดหนองบัวลำภูจะนัดไต่สวนคดีเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางทนายความฝ่ายบริษัท เจียไต๋ จำกัด ได้มาให้การต่อศาลว่า เพิ่งได้รับหมายศาลฯ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา จึงทำคำร้องคัดค้านการดำเนินคดีไม่ทัน ศาลจึงนัดการพิจารณาไต่สวนเป็นวันที่ 4 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

“ที่มาของการฟ้องร้องครั้งนี้ผลจากเกษตรกรได้ใช้ยาฆ่าหญ้าของบริษัทในกลุ่มพาราควอต และได้เจ็บป่วยมีทั้งถูกตัดขา และมีผลกระทบเป็นโรคเนื้อเน่า รวมทั้งหมด 16 ราย เฉลี่ยรายละ 7-8 แสนบาท รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ฟ้องศาลเรื่องสารเคมี สาเหตุที่ฟ้องเจียไต๋  เนื่องจากเป็นบริษัทรายใหญ่ที่นำเข้าและจำหน่ายของประเทศไทย”

นายปฏิวัติ กล่าวว่า การฟ้องครั้งนี้จะฟ้องแบบกลุ่ม แต่ถ้าทนายของเจียไต๋ระบุว่าฝ่ายบริษัทเสียเปรียบเนื่องจากคำฟ้องครอบคลุมเกษตรกรคนอื่นที่ไม่ใช่ 16 ราย ด้วย จะต้องไปพูดคุยกันที่ศาลฯ

ทั้งนี้เมื่อศาลพิจารณาอย่างไรแล้ว ทางกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจะไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กผ่านเพจสมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น วันที่ 4 มีนาคม 2563 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

ด้านดร.จรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่จะได้ทำความจริงให้ปรากฏ พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ความเชื่อ เพราะนั้นขอบคุณเกษตรกรที่ฟ้อง ซึ่งความจริงต้องฟ้องรายตัวปลูกพืชไม่เหมือนกัน มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ส่วนบริษัทใหญ่ที่นำเข้าพาราควอตมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเอราวัณ รองลงมาเป็นกลุ่มบริษัทซินเจนทา ประเทศไทย

ด้านฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัท เจียไต๋ จำกัด มีหนังสือชี้แจงลงวันที่ 3 มีนาคม 2563 สาระสำคัญว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวกรณีฟ้องร้อง“เจียไต๋" 100 ล้านบาท เพื่อชดเชยค่าเสียหายจากพิษพาราควอต ที่จังหวัดหนองบัวลาภู นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่าบริษัทได้รับทราบคำร้องต่อคดีดังกล่าวแล้วเนื่องจาก คดีดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการไต่สวนคำร้องของศาล บริษัทจึงไม่ขอออกความคิดเห็นใด ๆ ต่อกรณีนี้ในขณะนี้

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 99 ปีของการดำเนินธุรกิจ เจียไต๋ยึดมั่นในการปฎิบัติงานอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม มีความเป็นมืออาชีพ และมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตร พร้อมนำความรู้ ความชำนาญด้านการเพาะปลูก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ เพื่อบรรลุตามวิสัยทัศน์ของบริษัทในการส่งมอบนวัตกรรมการเกษตรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค