ข้าวไทยเนื้อหอม อานิสงส์หลายปท.ล็อกดาวน์หนีโควิด

01 เม.ย. 2563 | 06:02 น.
อัปเดตล่าสุด :27 เม.ย. 2563 | 08:44 น.

สนค. เผยมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลข้าวไทยเนื้อหอม ทั่วโลกแห่ซื้อ แนะบริหารจัดการสต๊อกข้าวที่ไทยมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และอินเดีย มั่นใจปริมาณข้าวเพียงพอเพื่อใช้บริโภคในประเทศ

น..ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ถึงผลการศึกษาข้าวไทยในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ว่า ประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ เช่น อินเดีย จีน และเวียดนาม ต่างหันมาใช้มาตรการปิดประเทศ (Lockdown) และเน้นการผลิตอาหารเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศตนเองเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดการชะลอการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อการส่งออก และอาจทำให้ประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งต้องการนำเข้าข้าวหันมาสั่งซื้อข้าวจากไทยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและคำนึงถึงการบริหารจัดการสต๊อกข้าวสำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกข้าวอย่างเหมาะสมและสมดุล ทั้งนี้ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุด ประเทศต่างๆ น่าจะมีความต้องการบริโภคข้าวและสินค้าอาหารที่ได้คุณภาพและมีมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะเป็นโอกาสทองของไทยในการผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังทั่วโลก

 

ข้าวไทยเนื้อหอม  อานิสงส์หลายปท.ล็อกดาวน์หนีโควิด

 

จาก ข้อมูลจากเอกสาร World Agricultural Supply and Demand Estimates ของ United States Department of Agriculture (USDA) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.  2563 ได้รายงานปริมาณผลผลิตและความต้องการบริโภคข้าวของโลก พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวอันดับ 5 ของโลก รองจาก จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม การผลิตข้าวของไทยคิดเป็น 4.07 % ของผลผลิตข้าวของโลก

ในปีการผลิต 2562/2563 มีปริมาณสต๊อกต้นปี (คงเหลือจากปี 2562) 4.24 ล้านตัน และคาดการณ์ว่าทั้งปีการผลิต 2562/2563 ประมาณ 18.50 ล้านตัน แบ่งเป็นการบริโภคภายในประเทศ 11.70 ล้านตัน และส่งออกไปยังโลกจำนวน 7.50 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปลายปีจะมีปริมาณข้าวคงเหลือในสต๊อกอีก 3.79 ล้านตัน ซึ่งถือว่าไทยเป็นประเทศที่มีสต๊อกข้าวปลายปีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และอินเดีย

 

ซึ่งหากพิจารณาจากรูปแบบการบริหารจัดการผลผลิตข้าวของไทย พบว่า ความต้องการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 50% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของไทย ในขณะที่ไทยส่งออกในสัดส่วน 32.03% และอีก 17.97% เป็นปริมาณคงเหลือในแต่ละปี แสดงว่าไทยมีการแบ่งสัดส่วนสำหรับการบริโภคภายในประเทศก่อนการส่งออกเสมอ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยลดลงเป็นอย่างมาก คาดว่าจะทำให้การบริโภคข้าวในของนักท่องเที่ยวในไทยลดลงไปด้วย โดยสถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ทำให้มีปริมาณข้าวสำหรับประชาชนไทยในประเทศเพิ่มขึ้น

 

ข้าวไทยเนื้อหอม  อานิสงส์หลายปท.ล็อกดาวน์หนีโควิด

 

สำหรับ สถานการณ์ข้าวในประเทศในปีการผลิต 2562/2563 ผลผลิตข้าวเปลือกจากเกษตรกรทั่วประเทศมีปริมาณ 28.44 ล้านตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% ปริมาณ 11.04 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิและข้าวหอมไทย 9.43 ล้านต้น ข้าวเหนียว 6.43 ล้านตัน และข้าวอื่น ๆ 1.58 ล้านตัน เมื่อแปรสภาพเป็นข้าวสารแล้วมีปริมาณ 18.80 ล้านตัน ส่งออก (ปี 2562) 7.58 ล้านตัน จึงมีส่วนเกินเหลือใช้ในประเทศได้ 11.22 ล้านตัน  เพียงพอต่อการบริโภคของประชาชนได้ถึง 6-7 เดือน