นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าล่าสุดเมื่อวันที่10เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ผมได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารงานกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริต บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำให้ประสบภาวะขาดทุน
เนื่องจากนับตั้งแต่ผมเข้ามากำกับดูแลการบินไทย ก็จะเห็นว่าที่ผ่านมาบินไทย ขาดทุนมาโดยตลอดในช่วง3ปีหลังมานี้ ปี 2560 ขาดทุน 2,107 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุน 11,625 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุน 12,042 ล้านบาทและเมื่อมาเจอโควิดในปีนี้ทำให้การบินไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก
ที่ผ่านมาผมจึงมีความกังวลในฐานะผู้กำกับดูแลและได้มีการหารือ มอบนโยบายและพบปะ พูดคุย รับฟังปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมากกว่า 20 ครั้ง
ประกอบการการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงของพนักงานบริษัท อดีตพนักงานบริษัท และนักวิชาการผู้มีความรู้ความเข้าใจในบริษัทจำนวนมากทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพื่อการนำเสนอ จัดส่งข้อมูล เอกสารหลักฐานที่ไม่เคยพบเห็นหรือปรากฎมาก่อน
ทั้งเรื่องการบริหารที่ด้อยประสิทธิภาพ และปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีพิรุจ กระทบทำให้การบินไทยประสบปัญหาการขาดทุน
โดยผมเห็นจุดด้อยสำคัญของการบินไทยการจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านตัวแทน (Agent) ที่ต้องได้รับการแก้ไข เพราะได้ราคาขายตั๋วต่ำมากกว่าขายเองผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็แปลกที่ทำไมการบินไทยจึงต้องพึ่งการขายแบบเดิมทั้งๆที่ระบบการปรับราคาขายสามารถทำได้ทันทีหากการบินไทยขายเองผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
อีกทั้งการบินไทยเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ มีโครงสร้างองค์กรและการทำงานที่ซับซ้อน มีวงเงินหมุนเวียนวันละหลายร้อยล้านบาท มีรายได้ปีละกว่า 2 แสนล้านบาท และมีบุคลากรเกินกว่า 20,000 คน ที่ปฏิบัติงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ทำให้การตรวจสอบติดตามการบริหารงานกิจการของบริษัท ปัญหาการทุจริตในองค์กรยากแท้ที่คนจำนวนเพียงไม่กี่คนจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล และได้ผลสรุปอย่างรอบด้าน ครอบคลุม และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการบินไทยได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นเพื่อให้การกำกับดูแลการบินไทยของผมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท และได้ข้อมูลที่แน่ชัด ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนที่ทำให้บริษัทประสบปัญหาการขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาหลายปีว่า สาเหตุที่สำคัญมาจากปัญหา ข้อเท็จจริง และข้อมูลหลักฐานใด หน่วยธุรกิจใด หรือมีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง
การตั้งคณะทำงานตรวจสอบดังกล่าว จะต้องเอาผิดคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและจะเอาผิดถึงขึ้นติดคุก
โดยคณะทำงานมีทั้งหมด33คนโดยมี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ใช้เวลาตรวจสอบ150 วันรู้ผล
ทั้งนี้คณะทำงานชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารงานกิจการของบริษัท และปัญหาการทุจริตในทุกรูปแบบของการบินไทยให้บอร์ดบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน บุคคล หรือผู้เกี่ยวข้องที่ผูกพันกับบริษัทในทางกฎหมาย มาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง พร้อมจัดส่งเอกสาร หลักฐานรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งขอให้ดีดีการบินไทย อำนวยความสะดวกสถานที่ บุคลากรและสิ่งจำเป็นในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่คณะทำงานร้องขอ