นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คาดการณ์ภาพรวมของผลไม้ไทยในฤดูกาล ปี 2563 ผลไม้ของไทยในฤดูกาลผลิตช่วงหน้าร้อนจะมีปริมาณมาก และการบริโภคจะกระจุกตัวภายในประเทศเนื่องจากในภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทรวงพาณิชย์จึงได้มีมาตรการการเชื่อมโยงและกระจายผลไม้จากสวนส่งตรงถึงผู้บริโภค, การจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้, การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายผักและผลไม้ให้กลุ่มเกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่าย ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ร่วมขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ฤดูกาลผลิตปี 2563 โดยวางแผนรับซื้อผลผลิตตลอดทั้งปีในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้ในร้านท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังได้เร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนในประเทศบริโภคผลไม้ไทยตามฤดูกาล Eat Thai First ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้บริโภคผลไม้เกรดส่งออก รสชาติอร่อย ในราคาที่จับต้องได้ และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ผู้บริหารท็อปส์และแฟมิลี่มาร์ท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งภาคเกษตรและภาคประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤตโควิด-19 โดยมี 2 ภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ได้แก่
1. มาตรการช่วยเหลือภาคการเกษตร ได้แก่ จัดตั้งศูนย์จัดซื้อท้องถิ่นประจำภูมิภาค ช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีสินค้าคุณภาพ ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีตลาดรองรับหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคา สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถติดต่อมายัง ศูนย์จัดซื้อท้องถิ่นประจำภูมิภาคตามหมายเลขดังนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล โทร.081-860-9702, 087-107-8716, ภาคตะวันออกและตะวันตก โทร. 082-113-8998, ภาคอีสาน โทร. 088-267-9754, ภาคเหนือ โทร.081-724-0375 และ ภาคใต้ โทร.081-959-2295
ในเดือนเมษายน – พฤษภาคม มีผลไม้ฤดูร้อนโดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก ขาดตลาดรองรับ ทั้งจากจังหวัดราชบุรี อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ท็อปส์ได้เพิ่มปริมาณการรับซื้อเพิ่มขึ้น 40 % จากมะม่วงที่จำหน่ายมากถึง 15 สายพันธุ์ โดยเกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม พร้อมจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเพื่อเร่งผลักดันปริมาณผลผลิตให้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น, ตลาดจริงใจ (Farmers’ Market) ที่เปิดจำหน่าย 14 สาขา ใน 12 จังหวัด และบริษัทฯ ได้พัฒนารูปแบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านแอพลิเคชัน Line@ เช่น
@jingjaichiangmai, @jingjaimarket_udon, @jingjai_nakhornsri , @jingjai_CWN เป็นต้น สร้างองค์ความรู้ด้านค้าปลีกให้เกษตรกรโดยทีมงานจัดซื้อที่เชี่ยวชาญ ช่วยพัฒนาคุณภาพสินค้าร่วมออกแบบแพคเกจจิ้ง วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด, เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อกระจายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปให้ได้มากที่สุด โดยจากสถานการณ์ โควิด-19 พบว่าผู้บริโภคนิยมสั่งซื้อผัก ผลไม้ อาหารสดเพิ่มมากขึ้น ช่องทางออนไลน์จึงมีบทบาทสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่าน www.tops.co.th และ แอปพลิเคชั่น Grab อยู่ที่บ้านก็กดสั่งได้สะดวกครอบคลุมพื้นที่บริการ 41 จังหวัด
2. การร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ลดราคาสินค้า ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยบริษัทได้ประกาศ “ล็อคราคาสินค้ากว่า 26,000 รายการ ตลอด 90 วันไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้น พร้อมลดราคาสินค้าจากที่ล็อคราคาให้ถูกลงกว่าเดิมหลายพันรายการหมุนเวียนกันไป ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต,ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์,ท็อปส์ เดลี่,ท็อปส์ ออนไลน์ และแฟมิลี่ มาร์ท ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 4 กรกฎาคม 2563” ยกเว้นสินค้าทางการเกษตรในบางรายการสามารถปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องตามฤดูกาลและราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย วิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม ให้มีรายได้หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง