ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

13 พ.ค. 2563 | 12:10 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ค. 2563 | 10:31 น.

“นายกสมาคมชาวนาฯ” ดีใจนายกรัฐมนตรีนัดหารือและลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาที่พื้นที่หนองจอก แจกยาหอมมาตรการดีพอใจติง "เยียวยาเกษตรกร"ล่าช้า อ้อนปลุกชีพสวัสดิการหวังเป็นบำเหน็จ บำนาญใช้ยามชรา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เพื่อฟังสถานการณ์ปัจจุบันในภาคธุรกิจโดยตรงอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงความเดือดร้อนและข้อเสนอต่อรัฐบาลเกี่ยวกับความช่วยเหลือต่อภาคธุรกิจในระยะเร่งด่วน ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤติการณ์เลวร้ายของประเทศและของโลก ดังนั้นข้อมูลดังกล่าวนี้ได้แล้วมาจะมีประโยชน์ต่อการพิจารณามาตรการต่างๆของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า รู้สึกดีใจและถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงต่อสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยและพี่น้องชาวนาทั้งประเทศที่เห็นความจริงใจลงพื้นที่มาพบด้วยตัวเอง ซึ่งระดับนี้ความจริงเชิญเข้าไปทำเนียบรัฐบาลก็ได้ ก็ต้องขอขอบพระคุณท่านที่ได้พิจารณาเห็นความสำคัญในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรที่เป็นธุรกิจฐานรากที่ใหญ่ที่สุด และเป็นธุรกิจที่สำคัญในการเชื่อมโยงต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั้งประเทศ

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

“วันนี้ใช้พื้นที่เขตหนองจอก ซึ่งเป็นเขตที่มีการทำนามากที่สุดในจังหวัดกรุงเทพฯ โดยทางสมาคมได้แสดงจุดยืนโดยยึดอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรเป็นหลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ “ข้าวคือชีวิต ชาวนาสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์ “สร้างข้าวให้ล้ำค่า สร้างชาวนาให้มั่นคง” ซึ่งสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยได้ติดตามและทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนมาถึงรัฐบาลการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีการบริหารประเทศได้ดี รวมถึงนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ลงมาถึงภาคเกษตรกรก็คือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาตลอด”

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

นายปราโมทย์ กล่าวว่า แต่เนื่องจากอุบัติเหตุทางเศรษฐกิจระดับโลกจากภัยวิกฤติโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งทางสมาคมรับทราบและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในทุกเรื่อง พร้อมกับสรุปประเด็นพิจารณาจากกรรมการสมาคมฯ ประจำจังหวัดในวาระเร่งด่วนเพื่อเป็นข้อเสนอประกอบคำชี้แจงดังต่อไปนี้

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

1.ปัญหาเกษตรกรไม่สามารถประกอบอาชีพได้เนื่องจากภัยแล้ง ขาดแหล่งน้ำทำการเกษตร ทำให้ว่างเว้นจากการทำนาและการทำพืชหลังนา (พืชใช้น้ำน้อย)มาตั้งแต่ปีการเพาะปลูก 2562/63 มาจนถึงปัจจุบันเกษตรกรขาดรายได้ และมีหนี้สินเพิ่มเพราะมีค่าครองชีพในครัวเรือน หนำซ้ำยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดเหมือนกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งการดำเนินงานของรัฐเยียวล่าช้า เพราะเกษตรกรที่ทำการเกษตรมาอย่างต่อนเองได้ขึ้นทะเบียนไว้หมดแล้วคงเหลือเกษตรกรที่ตกหล่นก็ขอให้พิจารณาเป็นลำดับต่อไป

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

2. เรื่องบริหารจัดการน้ำขาดประสิทธิภาพ แม้จะมีแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติก็ยังไม่มีผลประจักษ์โดยเชิงรูปธรรม สมาคมฯ ขอเสนองบประมาณการขุด ลอก คู คลอง ห้วย หนอง บึง ในที่สาธารณะประโยชน์เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับยามขาดแคลน ควบคู่การขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อการเกษตรในระดับหมู่บ้านด้วย เพื่อไว้เป็นแหล่งสำรองน้ำยามขาดแคลน และจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการฝนหลวง โดยขอเครื่องบินกองทัพอากาศนำมาสนับสนุนในการบรรทุกสารทำปฎิกิริยากับสภาพอากาศมากกว่า 2 ตันขึ้นไป เพื่อหมุนสลับปฎิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยในการทำฝนเทียม

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

3.ข้อเสนอระยะยาว อาทิ การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนา เพื่อเป็นหลักประกันชีวิตให้เกษตรกรเหมือนหลักการประกันสังคมมีสิทธิรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย บุตรหลานเบิกค่าเล่าเรียนได้ มีบำนาญหลังการเสียชีวิต เป็นต้น โดยทั้ง 2 กองทุนให้ภาครัฐเป็นผู้ดูแลและสนับสนุนการจัดทำโครงการโดยอาศัยความสมัครใจของเกษตรกร และจัดทำโครงการปลูกป่าต้นน้ำและฝายชะลอน้ำตามป่าเขาและในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้เป็นวาระแห่งชาติตามทีได้รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า มาตรการที่ภาครัฐทำอยู่ เป็นมาตรการที่ดีอยู่แล้วโดยเฉพาะโครงการประกันรายได้ ซึ่งทำให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ แต่สิ่งที่เป็นกังวลก็คือ "การบริหารจัดการคุณภาพข้าว" ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่สุด เพราะเกษตรกรมิอาจปลูกข้าวรวมสายพันธุ์ไว้ในแปลงเดียวกันได้ แต่เกิดจากผู้ประกอบการค้าข้าวเปลือกและรวบรวมหรือเกี่ยวข้องกับการค้าข้าวเปลือก (พ่อค้าเถื่อน)ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการรวบรวมข้าวส่งให้โรงสี ซึ่งโรงสีก็ยากที่จะตรวจสอบได้ทุกเมล็ด

ปลื้ม “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนชาวนา

ดังนั้นทางสมาคมจึงขอเสนอให้ภาครัฐเร่งตรวจสอบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการค้าข้าวเปลือก ผู้รวบรวม หรือผู้เกี่ยวข้องกับค้าข้าวเปลือกให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักการของกระทรวงพาณิชย์ พ่วงกับขอให้หน่วยงานราชการแต่งตั้งคณะกรรมการของสมาคมประจำจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมการตรวจสอบการรับซื้อข้าวจากเกษตรกร การตรวจสอบกิโลเครื่องชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้นและหลักเกณฑ์การกำหนดราคารับซื้อให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมตามที่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐร้องขอ

ข่าวเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีพบนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย