แม้ซีอีโอ “วราภรณ์ ธรรมจรีย์” จะเพิ่งก้าวมาบริหาร รี้ด เทรดเด็กซ์ ได้เพียง 3 เดือนนับจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก็นำทัพขับเคลื่อนธุรกิจของ รี้ดฯได้ทันที จากประสบการณ์โปรไฟล์ในการบริหารระดับริจินัลมาแล้วในหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น คิมเบอร์ลี่คล๊าค, IDP Education บริษัทระดับโลกด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ
“นอกจากธุรกิจด้านคอนซูเมอร์แล้ว ตอนทำงานที่ IDP Education ก็มีส่วนของการจัดงานด้านการศึกษา ที่เป็นการแมตช์ให้นักศึกษา ได้เชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ซึ่งแม้จะต่างธุรกิจกัน แต่ก็มีลักษณะของการจัดงานเช่นกัน และจากประสบการณ์ของการนำทีม และสร้างทีมทำงาน ก็ทำให้การเซตอัพ แผน และนำทักษะต่างๆ มาใช้กับการนำทัพองค์กรใหม่นี้ได้ทันที” นางวราภรณ์ กล่าว
ทั้งการเข้ามาบริหารงานของเธอ ก็มีการรับน้องใหม่ ด้วยสถานการณ์ โควิด-19 แต่เธอมองว่า ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส และรี้ด เทรดเด็กซ์ ต้องปรับตัว และมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวิกฤตนี้เช่นนี้
วันนี้ โควิด-19 จะส่งผลให้ภาพรวม การจัดงานแสดงสินค้าของไทย ได้รับผลกระทบ เฉพาะงานแสดงสินค้าที่สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ(ทีเส็บ) จะถูกเลื่อนและยกเลิกงานออกไป ทำให้ไทยต้องสูญเสียรายได้กว่า 3.4 พันล้านบาท จากการใช้จ่ายของผู้ร่วมงานต่างชาติกว่า 4.6 หมื่นคน
เลื่อนจัดงานไปปลายปี
จากแนวโน้มในภาพรวมของธุรกิจงานแสดงสินค้าที่เกิดขึ้น รี้ด เทรดเด็กซ์ เองก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยรี้ดฯได้เลื่อนการจัดงานออกไปเช่นกัน โดยงานเดิมจะจัดช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ มีเลื่อนออกไปจัดปลายปี เช่น งานอินเตอร์พลาส ไทยแลนด์ 2020 (งานแสดงเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและบรรจุภัณฑ์) และเนปคอน ไทยแลนด์ (งานแสดงเทคโนโลยีเพื่อการประกอบ การวัดฯเพื่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) เลื่อนไปจัดวันที่ 14-17 ธ.ค.นี้
โดยทั้ง 2 งานนี้ เรามองว่าน่าจะตอบสนองความต้องการของ 2 อุตสาหกรรมหลักในไทยที่กำลังมีบทบาทสำคัญอย่างมากหลังโควิด และบางงานก็เลื่อนไปเป็นปีหน้าแทน เช่น งานแมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป เลื่อนไปจัดวันที่ 23-26 มิ.ย.ปีหน้าแทน และงานจีเอฟที เลื่อนไปเป็นวันที่ 7-10 ก.ค.ปีหน้า
ส่วนงานที่จะจัดช่วงส.ค.-พ.ย.ปีนี้ เรามองว่าสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และรัฐบาลน่าจะเริ่มคลายล็อกให้จัดงานแสดงสินค้าได้ เราก็ยังจะจัดงานตามแผนอยู่ คือ งานไทล็อก-โลจิสติกส์ ที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ วันที่ 26-28 ส.ค.นี้, งาน คอสเม็กซ์ งานสำหรับการผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย วันที่ 3-5 พ.ย.นี้เช่นกัน และ งานเมทัลเล็กซ์ 2020 วันที่ 18-21 พ.ย.นี้
“เดิมปีนี้เราตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจอยู่ที่ 10% จากปีก่อน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากโควิด ก็คาดว่าธุรกิจน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อน หรือ หย่อนลงไปนิดหน่อย เนื่องจากเอ็กซิบิเตอร์ต่างชาติรายบางก็อาจจะยกเลิกด้วยเหตุผลทางการเงินหรือไม่อยากเดินทางมาในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การจัดเอ็กซิบิชัน ก็จะเป็นตัวเร่งที่จะทำให้ธุรกิจฟื้นตัวได้โดยเร็ว ธุรกิจก็ยังไปได้ต่อ”
พัฒนา 2 โชว์ใหม่ปีหน้า
รวมทั้ง รี้ด เทรดเด็กซ์ ยังเห็นโอกาสในการจัดโชว์ใหม่ในปีหน้าอีก 2 งาน คือ ‘FACTECH 2021’ (เกี่ยวกับการจัดการโรงงาน) วันที่ 23-26 มิ.ย. 2564 และงาน Thai Corrugated & Thai Folding Carton 2021 วันที่ 28 - 30 ก.ค. 64 เพราะเห็นแนวโน้มหลังโควิด ซึ่งเห็นชัดเจนงานกระดาษลูกฟูก งานบรรจุภัณฑ์และโลจิสติกส์ จะมาแรง เราจึงพัฒนาการจัดงานแสดงสินค้าใหม่ๆ เพื่อมารองรับ แต่บางอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์จะได้รับผลกระทบ ซึ่ง รี้ดฯต้องไปพัฒนางานที่จัดอยู่ เพื่อให้ตอบโจทย์เพื่อช่วยธุรกิจเหล่านี้ให้ฟื้นตัวโดยเร็ว
นอกจากนี้อีกหนึ่งข้อดีของโควิด คือ เป็นตัวเร่งให้คนเปิดรับดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในฐานะที่ รี้ด เทรดเด็กซ์ เป็นตัวกลาง ในการติดต่อกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก็ทำให้เราใช้ดิจิทัลมาเซอร์วิสในการทำธุรกิจและสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ “ ไฮบริด เอ็กซิบิชัน 365 วัน” ที่จะเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการร่วมงาน
เช่น การใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น เน้นความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การให้บริการแบบ Personalized Exhibition Experience รวมถึงการพัฒนา AI เพื่อใช้ในการจับคู่เจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเสริมโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ร่วมงาน จะทำให้ความเข้มข้นด้านโอกาสทางธุรกิจและ ROI ของผู้ร่วมงานเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการสัมมนาเพื่อให้ความรู้
รวมทั้ง รี้ด เทรดเด็กซ์ เองก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมในการลองจัดเวอร์ชัน เอ็กซิบิชัน ที่อาจจะนำร่องในปลายปีนี้ ที่อาจจะดึงงานบางตัว เช่นงานด้านอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง มาลองจัดดู เพราะถ้าเป็นงานที่เป็นแสดงเครื่องจักรคงไม่เหมาะ ซึ่งในวิกฤติโควิด เราก็ยังเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจนี้ได้
สัมภาษณ์ : ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,578 วันที่ 28-30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563