“เกษตรกร” ร้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวชะลอแบนสารเคมี

26 พ.ค. 2563 | 14:24 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2563 | 06:12 น.

วันพรุ่งนี้ เกษตรกรฟ้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ระงับการแบน“พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” หลังกรมวิชาการเกษตร ประกาศขีดเส้นให้คืนสินค้าภายในวันที่ 29 ส.ค. ด้านสมาคมวิทยาวัชพืชฯ ชี้โทษครอบครองสารแรงกว่ายาเสพติด

เป็นเรื่อง หลังจากที่อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้ลงนามประกาศ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2563 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่4 ที่กรมวิชาการเกษตร  เป็นผู้รับผิดชอบ  ซึ่งตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม  เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่6) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคา 2563 กำหนดให้วัตถุอันตรายคลอร์ไพริฟอส,คลอร์ไพริฟอส-เมทิล พาราควอต,พาราควอตไดคลอไรด์ และ พาราควอต หรือพาราควอดเมโทซัลเฟต ที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบอันตรายชนิดที่4 นั้น

“เกษตรกร” ร้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวชะลอแบนสารเคมี

นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  เมื่ออธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงนามแล้ว ในข้อ 5 ที่เกษตรกรต้องปฏิบัติ ต้องส่งมอบคืนวัตถุอันตรายแก่ผู้ขายที่ตนซื้อมาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563 (ไม่เกินวันที่ 29 ส.ค.2563)  ปัจจุบันเกษตรกรได้ซื้อเตรียมไว้แล้วเพื่อใช้ในฤดูนี้ หากคืนกลับไปเกษตรกรจะใช้อะไร เครื่องไม้เครื่องมือ ก็ไม่มีให้เลย มองว่ายังไม่ชัดเจน แม้กระทั่งเรื่องสารทดแทน

“เกษตรกร” ร้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวชะลอแบนสารเคมี

 

“ผมเชื่อว่าเกษตรกรยังใช้ไม่หมดที่ซื้อมาแล้ว จะทำอย่างไรหากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วก็กลัวสารวัตรเกษตรจะเข้ามาค้น และตรวจสอบ จะบังคับให้คืนบริษัท โดยไม่คำนึงเลยว่าเกษตรกรเป็นคนซื้อมาเป็นคนเสียเงิน ส่วนในของบริษัท ก็ให้เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทำลายเอง แต่อย่าลืมกรมวิชาการเกษตร อนุญาตให้เข้ามาขาย แต่พอจะแบนก็ปฎิเสธความรับผิดชอบ ตั้งคำถามว่าทำถูกต้องหรือไม่ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด จะแบนอย่างน้อยขอให้เกษตรกรใช้ให้หมด แล้ว จะจบสวยกว่า ซึ่งก็จะขอความเมตตาจากศาลปกครองกลางให้ไต่สวนฉุกเฉินกรณีพิเศษ สั่งคุ้มครองชั่วคราวการแบน 2 สารเคมี  ในวันพรุ่งนี้ เวลา 9.00 น. ที่ศาลปกครองกลาง แจ้งวัฒนะ”

 

ด้านสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ การเปรียบเทียบโทษปรับและจำคุกระหว่างยาเสพติดประเภท 1 เช่น เฮโรอีน ยาบ้าไว้ในครอบครอง โทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าใครมีพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสในครอบครอง หลังวันที่ 1 มิ.ย. 63  จำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท สรุปโทษที่มี 2 สารเคมีหลังแบนโทษหนักสุดกว่ายาเสพติด