การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตยุค New Normal ของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญด้านสุขภาพและสุขอนามัยมากขึ้น หลังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการเองต้องเร่งปรับตัว เช่นเดียวกับ “โอสถสภา” ที่พัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพออกมารองรับไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ล้างมือแบรนด์ “โอเล่” และ “เบบี้มายด์” ล่าสุดยังเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้าเพื่อสุขภาพต่อเนื่อง
นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหารและ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า โควิด-19 ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคและทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่ายุค Digital Disruption จึงทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวด้วยการนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ๆ ซึ่ง OSP มุ่งนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุค New Normal นี้
“ผลกระทบจากโควิด-19 ก่อให้เกิด New Normal ยุคที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่ไม่ลังเลที่ซื้ออาหารและยา พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เคยทำอยู่ประจำ ได้แก่ ไม่แตะสัมผัส ไม่เดินทาง และไม่เพิ่มเติมในสิ่งที่ไม่จำเป็น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่โอสถสภาใช้เป็นหลักในการเตรียมกลยุทธ์พร้อมรับมือ โดยมีนวัตกรรมเป็นอาวุธสำคัญ”
ทั้งนี้ โอสถสภาได้จัดตั้ง ‘ศูนย์นวัตกรรมโอสถสภา’ ขึ้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบครอบคลุมต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยให้โอสถสภาสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบไลฟ์สไตล์ New Normal ได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ 70% สำหรับล้างมือภายใต้แบรนด์ ‘โอเล่’ ทั้งรูปแบบเจลขวดเหมาะสำหรับใช้ในบ้านและแบบตลับสเปรย์ที่สามารถพกพาได้ นอกจากนี้ยังมี เบบี้มายด์ แนชเชอรัล แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เจล สำหรับคุณแม่ที่ต้องการแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือสำหรับผิวอันบอบบางของลูกน้อย และบบี้มายด์ เบบี้ครีม แอนตี้ โพลูชั่น ช่วยเคลือบปกป้องผิวจากฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ควัน และสิ่งสกปรก
ส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ เอ็ม-150 สูตรใหม่ , เปปทีน โกลด์ ซึ่งมีส่วนผสมของ Superfood , เอ็มเพรสโซ โรบัสต้า โกลด์ รวมถึง แผนเพิ่มกำลังการผลิตเครืองดื่มวิตามินซีเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ ‘ซี-วิต’ อีก 10-15% เพื่อตอบสนองดีมานต์ของตลาด หลังมีส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาสแรกเพิ่มเป็น 31.3% และช่วยผลักดันให้ภาพรวมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์เติบโต 16.1%
ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมากขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการสำรองสินค้าไว้ในบ้านและหลีกเลี่ยงการออกไปจับจ่ายนอกบ้าน ด้วยแคมเปญการตลาดที่เน้นความคุ้มค่า และยังมีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องเปลี่ยนมา Work from Home อาทิ เครื่องดื่มสลิมม่า , ครีมกันแดดโปรฮาดะ ฯลฯ ส่งผลให้ช่องทางอีคอมเมิร์ซมียอดขายเติบโตสูงถึง 3 เท่า ด้วย