การทยอยปลดล็อกการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้คนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกอัดอั้นกับการอยู่บ้านมาหลายเดือน เริ่มอยากผ่อนคลายด้วยการออกไปท่องเที่ยวมากขึ้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงเตรียมจะเสนอ
ครม.ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ เพื่อขอปลดล็อกการเดินท่องเที่ยวภายในประเทศ
รวมถึงการกระตุ้น ไทยเที่ยวไทย ภายใต้การขอเสนอใช้งบ 1 หมื่นล้านบาท จากเงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่โรงแรมที่ได้ปิดให้บริการชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ ก็จะทยอยกลับมาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดแผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในการเสนอให้ปลดล็อกการเดินทางเที่ยวในประเทศ ผมจะเสนอให้มีการปลดล็อก โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เปิดให้เดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคก่อน ภายในเดือนมิถุนายน เพื่อให้สอดคล้องกับการผ่อนผันการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะที่ 3 ที่บางจังหวัดอนุญาติให้เปิดโรงแรมได้แล้ว
ส่วนระยะที่ 2 เปิดให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศ ซึ่งจะเสนอให้เริ่มได้ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมนี้ ที่ก็จะสอดรับกับแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือน (ก.ค.-ต.ค.นี้)เพื่อช่วยเหลือธุรกิจการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้พอประคองตัวไปได้ในระหว่างที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา จากการประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ที่มีระยะเวลาถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้
การกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ก็จะมีเรื่องของการลด แลก แจก แถม แจกวอลเชอร์ค่าที่พัก 2-3 พันบาท จูงใจให้คนซื้อแพ็คเกจไปเที่ยว ซึ่งทุกวันนี้โรงแรมก็ลดราคาห้องพักมากอยู่แล้ว เช่นค่าโรงแรม 1 พันบาท หากได้วอลเชอร์ไปในราคา 2 พันบาท ก็ยังมีเงินเหลืออีก 1 พันบาท ให้ได้ใช้จ่ายบริการอื่นๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่อได้อีก เป็นต้น
“ก่อนหน้าจะเกิดโควิด-19 เราตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในปีนี้อยู่ที่ 120 ล้านคน-ครั้ง แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว ล่าสุดก็มองว่าเป้าหมายการสร้างรายได้จากไทยเที่ยวไทย จะทำให้ได้ที่ 70-80 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้ราว 4.02 แสนล้านบาท ดังนั้นหากเรามีโครงการกระตุ้นออกมา ก็มองว่าคนที่อยู่บ้านมานาน ก็อาจจะอยากเที่ยวแล้ว รวมถึงคนไทยที่เคยไปเที่ยวต่างชาติปีนี้ก็จะหันมาเที่ยวในประเทศแทนมากขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทสไทย (ททท.) เปิดเผยว่าแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งแพ็กเกจ “กำลังใจ”และ“เที่ยวปันสุข” ยังเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งจากการหารือกับกระทรวงการคลัง ในหลักการมองเห็นความสำคัญในการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วง 4 เดือนนี้(ก.ค.-ต.ค.) แต่กระทรวงการคลังได้ให้การบ้านไปทำเพิ่มเติมว่าจะกระตุ้นได้มากกว่านี้อีกไหม หรือมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ เพื่อให้แผนที่ออกมาเป็นการกระตุ้นท่องเที่ยว และช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เดือนร้อน ทำให้เกิดความคุ้มค่าต่องบประมาณที่จะเสียไป
นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การทยอยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งของโรงแรมต่างๆในขณะนี้ จากการประเมินจำนวนผู้เข้าพักในระยะเริ่มต้น น่าจะอยู่ราว 30% เท่านั้น การจ้างงานก็คงกลับมาได้เพียง 50% และคาดว่าในเดือนกรกฏาคมนี้ โรงแรมจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการมากขึ้น และคาดว่าจะใช้เวลากว่า 6 เดือนในการฟื้นตัว แต่ก็จะยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะปิดกิจการถาวร ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 10% และธุรกิจที่ไปต่อไม่ได้ การประกาศขายกิจการก็เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่
อย่างไรก็ตามหลังจากรัฐบาลเริ่มคลายล็อก จะเห็นว่าหลายโรงแรมเริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการบ้างแล้วในเดือนมิถุนายนนี้ อาทิ โรงแรมในภูเก็ต,หัวหิน, กาญจนบุรี และจะมีเพิ่มมากขึ้นในเดือนกรกฏาคมนี้ อาทิ โรงแรมในเครือออกนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ของกลุ่มอิตัลไทย ซึ่งมีการปิดให้บริการโรงแรมในไทยชั่วคราวไป 15 แห่ง ก็พร้อมจะกลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 1 ก.ค.นี้
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างทยอยจัดโปรโมชันกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวในประเทศ ซึ่งลดลงลงไม่ตํ่ากว่า 50% โรงแรมระดับ 5 ดาวก็ยังลดราคาขายห้องละ 1 พันบาท ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการไม่ได้คิดถึงกำไร แต่ขอให้มีกระแสเงินสดเข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจในช่วงนี้ไปก่อน เพื่อให้พอประคองตัวอยู่ได้
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,581 วันที่ 7 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563