ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT รายงานสถานการณ์การดำเนินงานของธุรกิจผ่านพ้นจุดวิกฤติไปแล้วและเห็นสัญญาณการพื้นตัวของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ โฮเทลส์ กลุ่มธุรกิจ ไมเนอร์ ฟู้ด กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ จากทิศทางที่หลายประเทศเริ่มมีการเปิดเมือง และกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตมีความคลี่คลาย
ทำให้บริษัทเห็นสัญญาณยอดขายเริ่มฟื้นตัวมีดีมานด์ทั้งยอดเข้าพักโรงแรม และร้านอาหาร รวมถึงแนวทางการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยว
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานสถานการณ์และผลกระทบจากโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ต่อบริษัทที่จำเป็นต้องหยุดดำเนินธุรกิจจากการปิดโรงแรม สาขาร้านอาหารและจุดจำหน่ายสินค้าของธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็นจำนวนมาก ตลอดจนจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางและปิดประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลและมาตรการด้านสาธารณสุข โดยสามารถดำเนินธุรกิจได้บางส่วน เช่น ร้านอาหารสำหรับบริการสั่งกลับบ้านและเดลิเวอรี่ รวมทั้งบริการทางออนไลน์
โดยเดือนเมษายนเป็นเดือนที่ธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่เดือนปลายเดือนพฤษภาคมหลายประเทศเริ่มมีการเปิดเมือง และกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย
ทำให้บริษัทเห็นสัญญาณยอดขายเริ่มฟื้นตัว โดยโรงแรม และบริการการรับประทานอาหารภายในร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ของบริษัทบางแห่งเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ โดยสามารถสรุปสถานการณ์ได้ดังนี้
1.กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ โฮเทลส์ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยและรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 เปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2563
ทำให้ธุรกิจบางส่วนในทวีปเอเชียและยุโรปของบริษัทกลับมาเปิดดำเนินการ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มในเชิงบวกนี้จะมีต่อเนื่องไปในเดือนมิถุนายนและในเดือนกรกฎาคม จากการเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย รวมถึงประเทศไทย และในส่วนของโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรมแรมหลัก (Flagship) ของบริษัทในกรุงเทพฯ ได้ก็ได้กลับมาเปิดให้บริการในปลายเดือนพฤษภาคม
รวมถึงโรงแรมในหัวหินกลับมาเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนโรงแรมบางแห่งในจังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย พัทยาและขอนแก่นมีกำหนดกลับมาเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2563
2.กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ ฟู้ด พบว่ายอดขายโดยรวมทุกสาขาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2563 จากยอดขายจากการนั่งทานในร้านเริ่มปรับตัวดีขึ้น
หลังมีการอนุญาตให้ร้านอาหารและร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการนั่งทานในร้าน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจไมเนอร์ ฟู้ด ยังได้รับผลบวกจากธุรกิจเดลิเวอรี่และการซื้อกลับบ้านมีการเติบโตสูงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
3.กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ ได้มุ่งเน้นไปที่ช่องทางขายออนไลน์และการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือและน้ำยาทำความสะอาดอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นในภาวะปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันกลุ่มธุรกิจดังกล่าวร้อยละ 98 ของจุดจำหน่ายสินค้าได้กลับมาเปิดให้บริการ มีการขยายตัวของยอดขายต่อร้านเดิมและยอดขายโดยรวมทุกสาขา โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2563
ทั้งนี้ในภาพรวมของทั้ง 3 กลุ่มคาดว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มคลี่คลาย และหลายประเทศเริ่มมีมาตรการผ่อนคลาย
รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศที่จะออกมา จะทำให้ยอดขายของบริษัทฟื้นตัวและปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย และบริษัทมีนโยบายเร่งด่วนในการจัดกิจกรรมทางการตลาด และโปรโมชั่นที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าในแต่ละประเทศ และตามนโยบายของทางภาครัฐต่อไป
ที่ผ่านมา บริษัทตั้งทีมงานบริหารความเสี่ยง เพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยมีการนำแผนการดำเนินธุรกิจมาปรับใช้ ในการบริหารจัดการธุรกิจทั่วโลก รวมทั้งจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัท ในระหว่างและภายหลังสถานการณ์โรค COVID-19
ทั้งมาตรการระยะสั้น รวมถึงมาตรการระยะกลางและระยะยาว รวมถึงยังเปิดตัวโครงการ “Business Beyond COVID-19” เพื่อให้ธุรกิจในเครือทั้งสามกลุ่มธุรกิจ คือ โรงแรม อาหาร และไลฟ์สไตล์ ปรับตัวรองรับวิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal สำหรับธุรกิจ
โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงของตลาดและสถานการณ์ของคู่แข่งและใช้โอกาสนี้ปรับปรุงโครงสร้างด้านต้นทุนให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานพร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจระบบดิจิทัลเพื่อปรุงปรับการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจของบริษัทในระยะยาว