นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อนทะเลอ่าวไทยตอนใน(อ่าวไทยรูปตัว ก) ใน 2 ช่วงเวลา เนื่องจากผลการศึกษาทางวิชาการยืนยันได้ว่ามาตรการฯ ที่บังคับใช้สอดคล้องกับวงจรชีวิตปลาทู รวมถึงสามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ปี 2563 ฟื้นฟูสัตว์น้ำในพื้นที่ 8 จังหวัด แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ระหว่าง วันที่ 15 มิ.ย. – 15 ส.ค 63 ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน ฝั่งตะวันตกบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร โดยเริ่มจากอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสิ้นสุดที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,350 ตารางกิโลเมตร
ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. 63 ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน ด้านเหนือบางส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยเริ่มจากอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และสิ้นสุดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,650 ตารางกิโลเมตร
.โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯ ที่กำหนด และเครื่องมือที่ใช้ทำการประมงต้องไม่ใช้เครื่องมือที่กำหนดห้ามใช้ทำการประมงตามมาตรา 67 มาตรา 69 หรือ มาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ส่วนบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาท - 30 ล้านบาท ตามขนาดของเรือประมง หรือปรับ 5 เท่า ของมูลค่าสินค้าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า และเครื่องมือประมง สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สินค้าสัตวน้ำ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิดจะถูกริบและต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและพาณิชย์ โปรดทราบ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของประเทศให้เกิดความยั่งยืน