นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีข่าวพืชสมุนไพร 13 ชนิด ได้แก่ สะเดา ชา/กากเมล็ดชา ข่า ขิง ขมิ้นชัน ตะไคร้หอม สาบเสือ ดาวเรือง พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และหนอนตายยาก ไม่ใช่จะนำมาขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย แต่ได้มีการขึ้นทะเบียนตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2538 แล้วเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 แต่ตนจะมาปลดล็อกให้เป็น “วัตถุอันตรายชนิดที่1”
“เดิมถูกล็อกไว้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือ (ว.2) เกษตรกรความจริงไม่สามารถทำได้เลย แม้แต่ ตากแห้ง บ่ม สับ เพราะถ้าทำจะต้องมาขออนุญาต ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตแล้วไปทำ สารวัตรเกษตรสามารถที่จับกุมเกษตรกรได้ซึ่งเรื่องนี้ถูกล็อกมาตั้งแต่ปี 2538 ปลดล็อกปี 2552 แล้วแล้วมาล็อกใหม่อีก ในปี 2556 สิ่งที่ได้ทำก็คือ จะต้องปลดล็อกให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่1 เพื่อประโยชน์ในอนาคตก็จะสะดวกกับเกษตรกรที่จะนำไปใช้หรือนำไปผลิตเพื่อจำหน่ายได้ ยืนยันว่าดิฉันไม่มีวันทำร้ายเกษตรกรเด็ดขาด”
นางสาวมนัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรที่ทราบกฎหมาย “น้ำหมัก” ไม่กล้าทำ ถ้าหมักสารวัตรเกษตรก็จะไปจับกุม ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากเกษตรกรจำนวนมาก จึงมีแนวความคิดที่ได้กลับมาดูในเรื่องดังกล่าว เพราะคิดว่าเกษตรกรก็น่าที่จะทำได้ แต่ทางกรมวิชาการเกษตรแย้งมาว่า ถ้าหมักแบบนี้อนุญาตได้ แต่ห้ามใช้สารปนเปื้อน ก็เลยย้อนถามไปว่าสารปนเปื้อนเช่นอะไร ก็จะต้องบอกให้เกษตรกรทราบ เช่น ไม่ใส่สารเคมี แล้วจะต้องทำความเข้าใจให้เกษตรกรทราบอย่างละเอียด
ที่ผ่านมามีเกษตรกรส่งหนังสือผ่านกรมวิชาการเกษตรเข้ามาจำนวนมาก อย่างเกษตรแปลงใหญ่ มาขออนุญาตเพื่อที่จะน้ำหมัก แต่กรมวิชาการเกษตรไม่สามารถอนุญาตได้ จึงเป็นที่มาของการปลดล็อก แล้วหากปลดล็อกได้ เป็น “วัตถุอันตรายชนิดที่1” ต่อไปทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ก็สามารถผลิตใช้กันได้ เพราะเชื่อว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ถ้าไปทำในเชิงพาณิชย์ จำเป็นที่จะต้องมาขึ้นทะเบียน เห็นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อเท็จจริง ขึ้นทะเบียน "13 สมุนไพร" เป็น "วัตถุอันตราย" ชนิดที่ 1
ค้านประกาศสมุนไพร 13 ชนิด "สะเดา-ขมิ้นชัน-พริก" เป็นวัตถุอันตราย
จี้ ถอด "13 สมุนไพร" พ้น วัตถุอันตราย
ทำความรู้จัก “ตะไคร้” หลังจ่อถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย
“จับตาดูให้ดีประมาณ 1 เดือนได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรไปศึกษาแล้วแจ้งว่าขอปลดออกทั้งหมดเลยได้ไหม “พืชสมุนไพร 13 ชนิด” แต่ทางกรมวิชาการเกษตรแจ้งว่าขอให้เป็นแค่ ว.1 แต่ตอนนี้ยังไม่จบว่า จะขอปลดออกจากบัญชีวัตถุอันตรายเลยทั้งหมดได้หรือไม่ ไม่ต้องมีแล้วไม่ว่า ว.1 หรือ ว.2 แต่กรมวิชาการเกษตรกร ยังไม่ยอมขอเป็นบางตัวก่อน ก็ต้องยอมเพราะดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างน้อยล้างออกจากบัญชีสัก 5 ชนิดก่อน จาก 13 ชนิด เพราะว่าไม่อยากจะแรงมาก ที่ผ่านมาต่อสู้มาหลายเรื่องแล้ว ที่สำคัญได้กำชับ "กรมวิชาการเกษตร" จะต้องให้ความรู้กับเกษตรกรควบคู่ด้วย
ในระหว่างนั้นมีคนมาเตือนเหมือนกันว่าอย่าไปแตะเรื่องนี้เพราะจะโดน แต่กลับบอกว่า “เราจริงใจ บริสุทธิ์ จิตใจดี” เพราะ ต้องการทำเพื่อเกษตรกร เพราะเกษตรกรเป็นรากเง้าของประเทศไทย อย่างน้อยก็มีเชื้อสายปู่ย่าตายายที่เคยทำเกษตรมาก่อน ที่ผ่านมาได้ต่อสู้เพื่อเกษตรกรมาโดยตลอด ไม่มีทางที่รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญาจะทำร้ายเกษตรกรแน่นอน”
++ปลื้ม “รมช.”โทรสายตรงเคลียร์
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) กล่าวว่า ได้รับโทรศัพท์จากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งว่ากำลังดำเนินการปลดล็อกพืชสมุนไพร 13 ชนิดที่กำลังเป็นข่าวออกจากบัญชีวัตถุอันตราย
"ขอให้เพื่อนเกษตรกรทุกคนสบายใจใด้ว่าท่านจะไม่สร้างปัญหาให้เกษตรกรเพราะท่านก็เป็นชาวนาเหมือนกันผมจึงขอแจ้งข่าวว่าท่านได้รับฟังปัญหาของเกษตรกรและพร้อมที่จะร่วมกันแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร ผมในนามนายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจึงขอขอบคุณแทนพี่น้องเกษตรกรด้วย"
++แนะตั้งสอบ “กรมวิชาการเกษตร”
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ต้องเปิดเสรี เพราะพืชดังกล่าวเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยใช้บริโภคด้วย ไม่มีโทษอยู่แล้ว เป็นอาหารแค่นำมาหมักแทนการใช้สารเคมี ซึ่งใช้กันมานานแล้ว แล้วก็เพิ่งจะทราบว่าพืชที่ใช้กันทำน้ำหมัก ขึ้นบัญชีเป็นวัตถุอันตราย มองว่ากรมวิชาการเกษตรทำอะไรกันไม่สนใจความรู้สึกของเกษตรกรและประชาชนเลย เรื่องดังกล่าวนี้อยากให้รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา ตั้งกรรมการสอบ จะได้ไม่ต้องผิดพลาดซ้ำรอยอีก เพื่อเป็นบทเรียนในการแก้ไขในอนาคตจะได้เป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่นำมาแก้ไข จะเสียประโยชน์เปล่าโดยไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
++เกษตรกรทำผิดกฎหมายหมด
สอดคล้องกับนายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวเป็นผลดีที่ทางรัฐมนตรีช่วยฯ ลดระดับความเป็นพิษวัตถุอันตรายลงเหลือประเภทที่1 เห็นด้วย แต่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า พืช 13 ชนิดขึ้นบัญชีวัตถุอันตรายอยู่แล้ว โดยเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 แล้วที่รัฐมนตรีฯ อธิบายไม่ใช่ให้เกษตรกรเข้าใจ สังคมก็ได้เข้าใจ เพราะไม่ทราบมาก่อน แต่ถ้าล้างออกจากวัตถุอันตราย โดยลดระดับเป็นแค่สมุนไพรปกติได้โดยเฉพาะพวกขิง ข่า ตะไคร้ สะเดา จะยิ่งดี ให้เหลือเฉพาะที่อันตรายจริงเท่านั้น อย่างนี้เห็นด้วย เพราะทุกวันนี้เกษตรกรทำผิดกฎหมายหมดถ้าจะจับกุมจริง