‘อมาโด้’ ดึง ‘ฮยอนบิน’ พรีเซ็นเตอร์ ทะยานเป้า 1,800 ล้าน

27 ก.ค. 2563 | 02:11 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ค. 2563 | 09:22 น.

อมาโด้ โตแรง 160% รับตลาดสุขภาพโตครึ่งปีหลัง รุกหนักเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คว้า “ฮยอนบิน” นั่งพรีเซ็นเตอร์เจาะตลาดบิวตี้ ทะยานเป้า 1,800 ล้านบาท

นายธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เปิดเผยว่า แนวโน้มของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพใน 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ 1 สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัย (Health & Hygiene) กลุ่มที่ 2 สินค้าเพื่อปรุงและประกอบอาหาร (Cooking & Treats) กลุ่มที่ 3 สินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และสินค้ากลุ่มที่ 4 สินค้าฟุ่มเฟือย แต่จำเป็นต้องมี

‘อมาโด้’ ดึง ‘ฮยอนบิน’ พรีเซ็นเตอร์ ทะยานเป้า  1,800 ล้าน

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ก่อนหน้านี้แนวโน้มการเติบโตจะเป็นช่วงขาขึ้น แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 เป็นปัจจัยเร่งผู้คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยหันมาดูแลรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงจนกลายเป็น นิว นอร์มอล (New Normal) ทำให้พฤติกรรมการใส่ใจดูแลสุขภาพของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาให้ความสำคัญในการดูแลเชิงป้องกันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายมากขึ้น ดูแลฟื้นฟูร่างกายผิวพรรณให้ดูดีอยู่เสมอ และด้วยวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามการขยายตัวของ “ความเป็นเมือง” (Urbanization)

‘อมาโด้’ ดึง ‘ฮยอนบิน’ พรีเซ็นเตอร์ ทะยานเป้า  1,800 ล้าน

“ในช่วงครึ่งปีแรกมีผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาด 3 รายการ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบิวตี้ ได้แก่ อมาโด้ โกลด์ คาร์เวียร์ เซ็ต , อมาโด้ มิลค์ เซ็ต และอมาโด้ ไฮ-ทัช แอลกอฮอล์ เจล ซึ่งต้องการผลิตและจัดจำหน่ายในราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งมียอดขายกว่า 100,000 เซ็ต เป็นมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท และบริษัทยังได้ขยายช่องทางขายสินค้าไปยัง เซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ ด้วยสินค้าไซส์เล็กนำร่องด้วย คอลลิจิ คอลลาเจน ซาเช่ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างเร่งด่วน และให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ได้มีโอกาสทดลองตลาด พร้อมทั้งเน้นหนักการทำตลาดผ่านช่องทางเทเลเซลล์ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนในช่วงล็อกดาวน์ที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“อมาโด้” ปรับแผน เจาะออนไลน์-เซเว่นฯ

‘อมาโด้’ปรับแผน โหมรุกอาหารเสริม

อมาโด้ ผุดคลังสินค้าใหม่ รับรายได้ 1.2 พันล.

อย่างไรก็ตามมองว่าการเติบโตของธุรกิจอาหารเสริมและวิตามินจะยังเติบโตทั้งในกลุ่มเพื่อสุขภาพและกลุ่มเพื่อความงาม ซึ่งในกลุ่มนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นอยู่เสมอตั้งแต่อยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยคนทำงาน กลุ่มวัยกลางคนและกลุ่มผู้สูงอายุ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีเป้ารุกตลาดอย่างเข้มข้น โดยล่าสุดอมาโด้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม (บิวตี้) เฮช-คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ได้รับการรับรองจากซัมซุงมารีน แอนด์ อินชัวรัน บริษัทในเครืออุตสาหกรรมที่โดดเด่นของซัมซุง พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้าใหม่ ฮยอนบิน (Hyun Bin) เมกะสตาร์ระดับเอเชีย  เพื่อสื่อถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางสุขภาพผิวของสินค้าและตอกย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์และผลิตภัณฑ์อมาโด้ โดยตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ 300 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ และยังมีแผนวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รายการในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพไปพร้อมกับการผสานช่องทางการขายในรูปแบบ Omni Channel เพื่อเข้าถึงและตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด

‘อมาโด้’ ดึง ‘ฮยอนบิน’ พรีเซ็นเตอร์ ทะยานเป้า  1,800 ล้าน

นายพร้อมวุฒิ อัศวโสภณกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ค. 63 บริษัทมียอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้กว่า 50% โดยยอดขายดังกล่าวมาจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านดีลเลอร์บิวตี้ทั่วประเทศจำนวน 600 ล้านบาท คิดเป็น 60% จากช่องทางออนไลน์ของบริษัททั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ และไลน์จำนวน 160 ล้านบาท คิดเป็น 16% ยอดขายผ่านเทเลเซลล์ 200 ล้านบาท คิดเป็น 20% ในช่องทางนี้เติบโตอย่างมีนัยยะเนื่องจากในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่บ้านจึงมีเวลาดูโทรทัศน์มากขึ้น ยอดขายผ่านคีออสทั่วประเทศ 30 ล้านบาท คิดเป็น 3% ยอดขายต่างประเทศ 10 ล้านบาท คิดเป็น 1% จากยอดขายที่เติบโตเกินกว่าเป้าหมายส่งผลให้มีการพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายทั้งปีเป็น 1,800 ล้านบาท เติบโตถึง 160% จากปี 2562 เพิ่มขึ้นจากเป้ายอดขายเดิม 1,200 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดอาหารเสริมและวิตามินเพิ่มขึ้นเป็น 7% จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 2% เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจสุขภาพเติบโตกว่า 15% โดยมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท และแบ่งเป็นธุรกิจอาหารเสริม 8-10% คิดเป็น 24,000 ล้านบาท และตลาดสุขภาพยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15%