ชาวประมง ขู่นัดชุมนุมใหญ่หากเจรจาไม่สำเร็จ
19 ส.ค.ลุ้น “เฉลิมชัย” เจรจากล่อมประมงสำเร็จหรือไม่ เผยไม่สำเร็จบ่ายจับตาความเคลื่อนไหวไหญ่นัด “ชุมนุม-หยุดประมง” 22 จังหวัด พร้อมกัน พ่วงโรงน้ำแข็ง-ตลาดปลา ชี้ความเสียหายยิ่งกว่า “จำนำข้าว”
วันที่ 19 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนประชุมหารือกับผู้นำองค์กรสมาชิก 22 จังหวัดชายทะเล เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายบุญชู แพใหญ่ นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงา เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 11 ข้อที่ชาวประมงเรียกร้องไปไม่ได้สักข้อเลย เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าผู้บริหารที่ดูแลประมง สูงสุด คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และยังไม่นับคณะกรรมการเฉพาะกิจ 1 และ 2 อีก ซึ่งภายใต้คณะทำงานหลายคณะ ปัญหาประมงที่คาดว่าจะมีการประชุมหารือกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไม่จบแน่นอน เป็นการซื้อเวลาแค่นั้น
“สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จะมีประชุมใหญ่ในช่วงบ่ายหลังจากพบ รมว.เกษตรฯ แล้ว อาจจะมีมตินัดชุมนุมใหญ่ หรือนัดหยุดเรือออกหาปลา จะต้องฟังเสียงในที่ประชุมนายกสมาคม 22 จังหวัด อีกครั้ง เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ คงจะต้องออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง”
สอดคล้องกับนายภูเบศ จันทนิมิ นายกสมาคมประมงอวนล้อมจับประเทศไทย กล่าวว่า ผมไม่อยากจะสื่อสารอะไรกับรัฐบาลแล้ว ซึ่งก่อนหน้าปลายปี2562 ชาวประมงเรือนหมื่นคนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กดดันไม่ได้ผล 11 ข้อ ไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแม่ทัพคนคุมประมงใหม่อีก มองว่าการขึ้นป้ายขายเรือประมง ก็เป็นการแสดงออกอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เป็นมติของสมาคมประมงฯ
“ผมคิดว่าต้องเอาให้จริง ให้หยุดธุรกิจ-ธุรกรรมประมง ทุกอย่าง 22 จังหวัด โรงน้ำแข็ง ตลาดปลา ต้องหยุด หยุดจ่ายหนี้สิน ต้องอย่างนี้ให้เห็นว่าธุรกิจประมงมีปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสียหาย ไม่นับความเสียหายย้อนหลัง 5-6 ปี มากกว่า “จำนำข้าว” อีก”
นายภูเบศ กล่าวว่า หากโรงน้ำแข็งหยุดดำเนินกิจการ ไม่สามารถออกไปจับปลาได้ เพราะเรือห้องเย็นในอ่าวไทย ไม่มี ต่อมาตลาดปลาก็ต้องหยุด ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง ต้องทำจริง ก่อนหน้านี้ก็เคยนำคนไปนอนใน ก.แรงงานมาแล้ว ดังนั้นมองว่า การเจรจาในวันที่ 19 ส.ค. และการขึ้นป้ายขายเรือประมง ไม่เกิดประโยชน์ หรือจะนัดชุมนุมใหญ่ไปทำเนียบรัฐบาลไม่เกิดประโยชน์เสียเงินและเวลา ตั้งคำถามว่า ได้อะไรขึ้นมาบ้าง
“การบริหารจัดการประมงแฝงอำนาจหลายชั้น วันนี้มีหนทางเดียว ประตูสุดท้าย ให้โรงน้ำแข็งหยุด ตามมาด้วย ตลาดปลา ต้องหยุดทันที เรือประมงสามารถขึ้นท่าเทียบเรือได้ ห้ามออก หากเรือประมงกลับขึ้นฝั่งแล้วต้องหยุดทุกอย่าง อย่ามาทำร้ายพวกเรากันเอง ให้ 22 จังหวัดทำพร้อมกัน เชื่อว่าหากทำเช่นนี้จะมีพลังต่อรองกว่าการนำคนไปบุกทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ดี ในวันที่ 19 ส.ค.ช่วงบ่าย คงต้องฟังว่ามติที่ประชุมสมาคมการประมงฯ เสียงส่วนใหญ่จะว่าอย่างไร นี่เป็นเพียงข้อเสนอของผมเท่านั้น”
