นายธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เปิดเผยว่า ด้วยบริษัทมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปลายปี 2564 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการและจัดหาที่ปรึกษาทางการเงิน และในด้านการขยายธุรกิจยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อมาโด้ อิมมู ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มสุขภาพ สำหรับเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง จับตลาดแมส (Mass Market) เจาะกลุ่มผู้บริโภคตั้งแต่อายุ 25-45 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้และเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือมะตูม ตีลิขสิทธิ์ Alviolife ได้รับการจดสิทธิบัตร การรันตรีความปลอดภัยจากสารสกัดสมุนไพรจากธรรมชาติ
ทั้งนี้พบว่าที่ผ่านมาผู้บริโภคในตลาดมีความต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน หรือ Preventive health care ในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 61 เนื่องจากเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ต่าง ๆ และการเกิดโรคอุบัติใหม่ไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา กลายเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคกว่า 45% หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ด้วยการรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และทานวิตามินอาหารเสริมเพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน รวมทั้งดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ บริษัทจึงได้วิจัยและพัฒนา อมาโด้ อิมมู ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดสุขภาพดังกล่าว ซึ่งตั้งเป้ายอดขายไปจนถึงสิ้นปีที่ 2 หมื่นชิ้น คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท ซึ่งจะจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ดีลเลอร์ และอมาโด้ รวมถึงการทำการตลาดผ่านเทเลเซลล์ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันได้รับความนิยมและเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัญหาภูมิแพ้อากาศและฝุ่นควัน ผู้บริโภคเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจและโรคอุบัติเก่า อาทิ ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาสายพันธ์ใหม่มีความรุนแรงของโรคอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาเป็นปัจจัยเร่งใหม่ เทรนด์ดังกล่าวเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมองหาหนทางในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับตัวเองและคนในครอบครัวอย่างจริงจัง ซึ่งอมาโด้ อิมมู เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกลุ่มดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันนับเป็นกลุ่ม Mass Market โดยเป็นกลุ่มที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก”
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้ารุกตลาด Mass Market โดยการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไซส์เล็กนำร่องด้วยผลิตภัณฑ์ คอลลิจิ คอลลาเจน ซาเช่ แบบซอง เข้าวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 7,000 สาขาทั้งประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายขยายสินค้าเข้าไปในกลุ่ม Mass Market มากขึ้นรวมทั้งขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการนำสินค้าไซส์เล็กออกไปวางให้ถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทดลองบริโภคสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่ง 3 เดือน นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยยอดขายรวมถึง 1 แสนซอง คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และภายในปลายปีนี้จะนำผลิตภัณฑ์เข้าวางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่น เพิ่มอีก 1 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มความงามอีกด้วย