นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไฮเออร์ เปิดเผยว่า “สมาร์ท พลัส บาย ไฮเออร์ คือ ร้านซักผ้า 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3C ‘Clean, Care, Convenience’ ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่โดยทำให้การซักผ้าสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชัน Smart Plus ของไฮเออร์”
สำหรับ Mr.Hi Smart+ by Haier สาขาแรกมีพื้นที่ 50 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในซอยวิภาวดี 16 โดยร่วมมือกับบริษัท ดีที นิว เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ภายในร้านมีบริการเครื่องซักผ้าขนาด 12 กิโลกรัม จำนวน 6 เครื่อง เครื่องอบผ้าขนาด 12 กิโลกรัม จำนวน 6 เครื่อง เครื่องขายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มจำนวน 1 เครื่อง และระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน รวมงบลงทุนกว่า 3 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ และชุมชนใกล้เคียง พร้อมวางแผนเปิดทั้งหมด 50 สาขาภายในปีนี้ผ่านดีลเลอร์ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและนักลงทุนแฟรนไชส์ และตั้งเป้าขยายสาขาให้ถึง 200 สาขาภายใน 2 ปี ซึ่งในปี 2563 นี้จะเน้นในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก แล้วจึงเริ่มขยายไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ในปีถัดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไฮเออร์ ขนนวัตกรรม รุกตลาดสมาร์ทโฮม
“ในครึ่งหลังของปี 2563 นี้ บริษัทพร้อมเสริมกลยุทธ์ผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย Haier Brand Shop ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีสาขาเปิดใหม่ล่าสุดที่จังหวัดปราจีนบุรี และจะมุ่งเน้นขยายช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่องทางธุรกิจ B2B และปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่าย เพื่อรุกช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยผลักดันธุรกิจของไฮเออร์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
นางมัทนา มูลจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดีที นิว เอ็นเนอร์จี้ จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยอันดับ 1 ของโลก และเป็นพันธมิตรที่ดีมาอย่างยาวนาน โดยทางไฮเออร์ได้พัฒนาเครื่องซักและเครื่องอบผ้าที่ควบคุมการใช้งานด้วยแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบ 100% เป็นรายแรกของไทย และมีรูปแบบการชำระค่าบริการผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารต่างๆ แอปพลิเคชัน Smart Plus เติมเงินได้หลายช่องทาง เช่น Prompt Pay, Counter Service, Rabbit Line Pay, TrueMoney Wallet, Alipay, WeChat,บัตรเครดิตและเดบิต เพื่อช่วยลดการสัมผัสกับตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ นับว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ในยุค New Normal ได้อย่างสมบูรณ์”