โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2562-2563 ได้จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วครบ 9 งวด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินเข้าบัญชีของเกษตรกร จำนวน 3.75 แสนครัวเรือน วงเงิน 6,729.57 ล้านบาท จากกรอบวงเงินงบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท (กราฟิกประกอบ) เงินยังเหลืออีก 6,270.43 ล้านบาทนั้น
นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ และกรรมการในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วงเงินประกันรายได้ชาวสวนปาล์มที่เหลือ 6,270.43 ล้านบาทนั้น ทาง กนป. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเห็นว่าควรจะใช้กรอบวงเงินเดิมดำเนินโครงการประกันรายได้ปาล์มระยะที่ 2 (ปี 2563-2564) ที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563-กันยายน 2564 หากไม่มีปัญหา คาด ธ.ก.ส. จะสามารถจ่ายเงินงวดที่ 1 ให้แก่เกษตรกรได้ในเดือนกันยายน 2563 โดยใช้เงินที่เหลือจากกรอบวงเงินเดิมไม่ต้องขอใหม่ หากในอนาคตไม่เพียงพอค่อยว่ากัน
ล่าสุดราคาผลปาล์มทะลายสุกดี เกรด A เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม ก่อนประชุม กนป. ราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หลังประชุมราคาร่วงทันที 20-30 สตางค์ ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นอย่างนี้ทุกครั้งโดยไม่มีเหตุผล แต่ก็พยายามหาเหตุผลว่าที่ราคาลงในครั้งนี้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขอดึงเรื่องกลับที่จะใช้น้ำมันปาล์มดิบไปปั่นกระแสไฟฟ้าสำรอง 1 แสนตันกลับไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่เป็นผู้พิจารณาอนุมัติก่อนหรือไม่ ซึ่งได้สัญญาว่าจะรีบนำเรื่องกลับมาเข้า กนป.ใหม่ให้เร็วที่สุด (กฟผ.รับซื้อจริง 3.55 แสนตัน ได้รับเงินแล้ว 506.34 ล้านบาท) ยังเหลือเงินค้างอีก 2,002.11 ล้านบาท เพื่อขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565
“อีกด้านหนึ่งเพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม ปัจจุบันมีรถยนต์เก่าที่วิ่งอยู่ท้องถนนสามารถใช้น้ำมัน B20 ได้ มากกว่า 3 ล้านคัน ส่วนรถใหม่ที่ขายอยู่ทุกวันนี้แทบทุกยี่ห้อ ใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ได้ ได้แก่ Isuzu Toyota Nissan Mitsubishi Ford Mazda ส่วนรถบรรทุกใหญ่ ได้แก่ Isuzu Hino Volvo Fuso ดังนั้นเสนอให้สำนักงบประมาณ กำหนดบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ ให้ระบุรถยนต์ดีเซลที่หน่วยงานราชการจะซื้อหรือเช่าต้องใช้ B20 เพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและเพิ่มการใช้ปาล์มน้ำมัน และลดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์ม ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงขาลงตามฤดูกาล ผลผลิตปาล์มทุกสวนลดลงเกือบ 50% และ จะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งหากมีสต๊อกเพิ่มมากขึ้นแสดงว่าผิดปกติ”
แหล่งข่าวจากที่ประชุม กนป. เผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะทำงานตรวจสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัดระหว่างวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2563 มีจำนวน 5.7 แสนตัน หากคำนวณในรูปน้ำมันปาล์มดิบทั้งระบบจะมีประมาณ 6.5 แสนตัน ซึ่งมีมากกว่าระดับสต๊อกปกติที่ไม่ควรเกิน 2.5-3 แสนตัน จึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ใช้งบ 600 ล้านบาท เพื่อส่งออกน้ำมัน 3 แสนตัน โดยรัฐชดเชยให้ในอัตราไม่เกิน 2 บาทต่อ กก. เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการส่งออก
สำหรับในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย โดย ณ วันที่ 14 สิงหาคม ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทย อยู่ที่ กก.ละ 20-20.50 บาท ต่ำกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่ กก.ละ 21.50 บาท เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถระบายน้ำมันปาล์มส่วนเกินส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้ในปริมาณมากขึ้น
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,603 วันที่ 23 - 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563