นายพิชชา เชษฐฤทธิรงค์ บริษัท เอ็มโซล จำกัด ผู้นำเดินธุรกิจร้านสะดวกซัก “The M Soul Laundromat” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังเข้ามาทำตลาดร้านซักผ้าอัตโนมัติหรือร้านสะดวกซักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างการเติบโตได้ 100% ตลอดช่วงที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มในตลาดร้านสะดวกซักเมืองไทยก็เติบโตเพิ่มขึ้น และมีช่องว่างทางการเติบโตสูง ทำให้บริษัทเดินเครื่องการตลาดเชิงรุกอย่างครบวงจร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้ให้บริการร้านสะดวกซักที่มีสาขาครอบคลุมมากที่สุดทั่วประเทศ หรือการมีจำนวนสาขา 2,000-3,000 แห่งในช่วง 5 ปีนับจากนี้
สำหรับแผนการตลาดของบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยในไทยจะขยายเพิ่มอีก 120 แห่งในช่วงครึ่งปีหลังนับจากนี้ จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งสิ้น 71 แห่ง โดยเป็นสาขาที่ลงทุนเอง 5% ควบคู่กับการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้า B2B (ลูกค้าองค์กร) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นทั้งรูปแบบการขยายตลาดเข้าไปยังโครงการภาครัฐ และการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับผู้เล่นแบรนด์อื่นที่ต้องการเข้ามาเล่นในธุรกิจดังกล่าวโดยเบื้องต้นมีการเข้าไปทำตลาดมาบ้างแล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายสาขาในสปป.ลาว โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 3 แห่ง ผ่านตัวแทนจำหน่าย บริษัท ลาว บาย เอ็ม โซล จำกัด เข้าไปทำตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาและชะลอลงในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ซึ่งแน่นอนว่าจากนี้หลังสถานการณ์ดีขึ้นก็จะเดินหน้ารุกตลาดใน สปป.ลาวอย่างเต็มสูบ โดยวางเป้าขยายเพิ่ม 10 สาขาในปีนี้
ขณะที่โมเดลธุกิจของบริษัทไม่ได้เน้นแฟรนไชส์ลูกค้าสามารถสร้างแบรนด์เองหรือแม้กระทั่งสามารถเลือกแบรนด์ที่อยู่ในเครือได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น MAYTAG หรือแม้กระทั่งแบรนด์ใหม่ล่าสุดอย่าง PRIMUS โดยแพ็กเกจหลายแบรนด์ให้เลือกกว่า 20 แพ็กเกจ ตั้งแต่ราคาตั้งแต่ 3 แสนบาท- 3.5 ล้านบาท นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกแพ็กเกจของตัวองที่ต้องการลงทุนได้ (Customize) โดยบริษัทมีหน้าที่แนะนำให้คำปรึกษาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งโมเดลของทางบริษัทมีความยืดหยุ่นเพื่อให้สะดวกต่อการลงทุนของลูกค้า
“เราทำร้านสะดวกซักภายใต้แนวที่คิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีช็อปหรือหน้าร้านขนาดใหญ่ข้างนอก หากแต่ให้ผู้ที่สนใจลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนของเราได้ทุกรูปแบบ ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น ในหอพัก คอนโด หรือแม้กระทั่งสแตนด์อโลนขนาดใหญ่ ที่สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมาย”
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายระยะยาว ด้วยการเป็นผู้เล่นท็อป 3 ในตลาดร้านสะดวกซักเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันตลาดธุรกิจร้านสะดวกซักของเมืองไทยมีจำนวนรวม 700 แห่ง มีการเติบโต 10% ต่อปี จากจำนวนผู้เล่นทั้งหมดกว่า 21 แบรนด์ โดยมีผู้เล่นหลักราว 4-5 ราย ทั้งนี้ด้วยศักยภาพและความต้องการของตลาดคาดว่าเมืองไทยสามารถมีร้านสะดวกซักได้มากถึง 5,000 แห่ง ดังนั้นจึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,607 วันที่ 6 - 9 กันยายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง