ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 จะชี้ชะตาว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำสมัยที่ 2 ต่อไปอีก 4 ปีหรือไม่ ท่ามกลางกระแสโพลล์ ทุกสำนักในเวลานี้ชี้ “โจ ไบเดน” ผู้ท้าชิงวัย 77ปีจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนิยมเป็นต่อ แต่สุดท้ายแล้วทรัมป์จะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาครองตำแหน่งได้อีกสมัยหรือไม่ยังต้องจับตา หลังเมื่อ 4 ปีก่อน ทุกสำนักโพลล์ระบุ “ฮิลลารี คลินตัน” จะคว้าชัยชนะเหนือทรัมป์ แต่สุดท้ายถูกโดนัลด์ ทรัมป์แซงเข้าป้ายในนาทีสุดท้ายทำนํ้าตาตกมาแล้ว อย่างไรก็ดีไม่ว่าใครจะครองผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ย่อมส่งผลกระทบต่อโลก และต่อประเทศไทยในหลากหลายมิติ
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่าง ประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า คาดการเลือกตั้งครั้งนี้ มีโอกาสที่โจ ไบเดนมีโอกาสชนะมากกว่าทรัมป์ จากชาวอเมริกันผิดหวังผลงานทรัมป์ในการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งเวลานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องเศรษฐกิจ ส่งผลให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตแล้วมากกว่า 2 แสนคน ขณะที่มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละกว่า 4 หมื่นคน คาดสิ้นปีนี้จะมีชาวอเมริกันเสียชีวิตประมาณ 3 แสนคน
“3 ปีแรกของทรัมป์ก่อนเกิดโควิด ทรัมป์สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีโตกว่า 3.5% และการทำสงครามการค้ากับจีน และนโยบาย America First (อเมริกาต้องมาก่อน) สามารถช่วยเพิ่มการจ้างงานในประเทศ ส่วนหนึ่งประชาชนพอใจแต่ปีนี้โชคร้ายเจอโควิด ทรัมป์จัดการได้ไม่ดี รณรงค์ไม่ใส่หน้ากากอนามัย และมีปัญหากับหมอโดยไปกดดันให้มีวัคซีนออกมาก่อนเลือกตั้ง ทำให้เสียคะแนนนิยม”
สำหรับผลกระทบต่อไทย กรณีไบเดนได้เป็นผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ คาดสหรัฐฯจะกลับเข้าร่วม CPTPP (หรือTPP เดิม ที่มีสหรัฐฯสมัยประธานาธิบดีโอบามาเป็นแกนนำ) เพื่อคานอำนาจจีนในเอเชียและอาเซียน จะส่งผลให้สหรัฐฯขยายการค้า-การลงทุนกับเอเชียและอาเซียนรวมถึงไทยเพิ่มขึ้น และต้องจับตาว่าภาษีสินค้าที่ทรัมป์สั่งขึ้นสินค้าจีน (จากการทำสงครามการค้า) จะถูกยกเลิกหรือลดลงหรือไม่แต่คาดสงครามการค้าจะคลี่คลายลงเพราะนโยบายของไบเดนในการจัดการกับจีนเพื่อลดการขาดดุลการค้า หรือการค้าที่ไม่เป็นธรรม จะใช้วิธีกดดันผ่านองค์การการค้าโลก (WTO) หรือใช้พันธมิตร เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ไปกดดันจีน
อัทธ์ พิศาลวานิช
ส่วนกรณีที่หากโดนัลด์ ทรัมป์ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย คาดสิ่งที่จะเกิดขึ้น เช่น การเก็บภาษีสินค้าสูงจากจีนจะยังอยู่ แต่การเจรจาการค้าระยะที่ 2 (เฟส2)กับจีนอาจจะอ่อนข้อลง จากที่ผ่านมากระทบต่อเกษตรกรของสหรัฐฯมาก การจัดการกับบริษัทเทคโนโลยีจีนจะมีมากขึ้น และสหรัฐฯจะแบนแอพจีนมากขึ้น ขณะที่สิ่งที่ทรัมป์ดำเนินมา เช่น การถอนตัวออกจาก TPP การถอนตัวจากความตกลงลดโลกร้อน และไม่ให้ความสำคัญกับ WTO หากทรัมป์ยังดำรงตำแหน่งต่อจะสร้างมั่นใจให้ทรัมป์ว่าสิ่งที่ทำมาเดินมาถูกทาง อาจไม่เป็นผลดีต่อโลก
กลินท์ สารสิน
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหรัฐฯเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของไทย (ปี 2562 สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยรองจากอาเซียน และเป็นนักลงทุนอันดับ 7 ของไทย) บอกไม่ได้ว่าเชียร์ทรัมป์หรือไบเดนเพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่เป็นใครก็ได้ที่ทำให้การค้า-การลงทุนของไทยกับสหรัฐฯดีขึ้น
สนั่น อังอุบลกุล
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่าเศรษฐกิจการค้า การลงทุนของไทยอิงกับสหรัฐฯ ไม่น้อย ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ย่อมมีผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ ตัวอย่างทรัมป์ทำสงครามการค้า ส่วนหนึ่งไทยก็ได้อานิสงส์ส่งออกไปสหรัฐฯแทนสินค้าจีนได้เพิ่ม ดังนั้นไทยยังต้องเป็นมิตรกับสหรัฐฯต่อไป เวลานี้แม้คะแนนนิยมทรัมป์จะเป็นรอง แต่ก็มองข้ามไม่ได้ ทรัมป์อาจจะชนะในนาทีสุดท้ายเหมือนครั้งที่ผ่านมาก็เป็นได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 1 ฉบับที่ 3614 วันที่ 1-3 ตุลาคม 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลั่นกลองศึก! “ทรัมป์-ไบเดน” ดีเบตยกแรก 29 ก.ย.นี้
อดีตผจก.ทีมหาเสียง “ทรัมป์” คลั่ง-ขู่ฆ่าตัวตาย
“ทรัมป์”ไปต่อ-หลุดเก้าอี้ผู้นำมะกัน ผลต่อไทย?