นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน เปิดเผยภายหลังการประชุมกกร. ว่า ที่ประชุม กกร. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวได้ต่อไป ภายใต้การสนับสนุนจากมาตรการของรัฐที่ต่อเนื่องและตรงจุดและไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในรอบ2 หรือหรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้
เพราะกกร.มองว่าเศราฐกิจไทยในตรมาส2 ถือว่าเป็นจึดต่ำที่สุดแล้ว และในไตรมาส 3 เศรษฐกิจไทยกลับมา ฟื้นตัวไปพร้อมกับความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ในประเทศ โดยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมจากมาตรการของรัฐ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ภายหลังการคลาย lockdown ทั่วโลก ซึ่งสินค้ากลุ่มอาหารและสุขอนามัยที่เป็นที่ต้องการมีการขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าปกติอยู่มาก เห็นได้จากจำนวนผู้ว่างงานที่ยังไม่ลดลง สำหรับทั้งปี 2563 กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบ -7% ถึง -9% ขณะที่ กกร. ปรับประมาณการการส่งออกในปี 2563 หดตัวในกรอบ -8% ถึง -10% ดีขึ้นจากเดิมที่ -10% ถึง -12% เนื่องจากการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 3 หดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1% ถึง -1.5%
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน การกดดันการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย และหลายแห่งในเอเชีย ซึ่งหากลุกลามไปมากจะกระทบธุรกิจส่งออกของไทย รวมถึงความสามารถในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในระยะต่อไป แม้ว่าจะไม่กระทบกับการเปิดรับแบบเฉพาะกลุ่มที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ตาม ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างทยอยหมดอายุลง
รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าจากผลของดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นในภาวะที่ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยกังวลการระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ความผันผวนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ สำหรับในช่วงที่เหลือของปีค่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล
โดยกกร.เตรียมข้อเสนอของภาคเอกชนต่อ ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ซึ่งมีทั้ง กกร. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ร่วมกันจัดทำข้อเสนอด้านเศรษฐกิจ โดยนำประเด็นดังกล่าวหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในประเด็นที่สำคัญต่างๆ อาทิ ด้านการค้า การลงทุน, การจ้างงาน, SME, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เป็นต้น ก่อนจะนำเสนอต่อที่ กรอ. ซึ่งจะเป็นข้อเสนอที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน