นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่าเนสท์เล่เชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดประเทศไทย และมองเห็นการเติบโตในระยะยาว จึงทุ่มงบกว่า 4,500ล้านบาท ขยายการลงทุน ใน 3 โรงงานหลัก ได้แก่ 1. โรงงานอมตะ ด้วยงบลงทุน 2,550 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเสริมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของเนสท์เล่ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยโรงงานแห่งนี้เริ่มเดินสายการผลิตในกลางปี 2564
2. โรงงานบางชัน ใช้งบลงทุน 440 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตโรงงานผลิตไอศกรีมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และ 3. โรงงานยูเอชที นวนคร7 ด้วยงบลงทุน 1,530 ล้านบาท โรงงานผลิตเครื่องดื่มยูเอชที ได้แก่ ไมโล และนมตราหมี อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลักที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มการผลิตเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคสายรักษ์โลก ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่าง ไมโล ยูเอชที หลอดกระดาษแบบงอได้
โดยการขยายการลงทุนดังกล่าว เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลอินไซต์ของผู้บริโภคชาวไทยมาต่อยอดสู่การวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่นำนวัตกรรมเข้ามาขับเคลื่อน เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการที่ดี รสชาติอร่อย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ควบคู่กับการคำนึงถึงความยั่งยืน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.แนะเลี่ยงเส้นทางแยกบางนา-แยกเทพารักษ์บ่ายวันนี้มีม็อบ
นอกจากนี้หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พบว่าอัตราการเติบโตของอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นเป็น 30% ผู้บริโภคหันมาช้อปของใช้ในบ้านและสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2563 ยอดขายออนไลน์ของเนสท์เล่โตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 2 เท่า ดังนั้นเพื่อตอบรับเทรนด์ดิจิทัลที่มาแรง เนสท์เล่จึงจัดสรรงบลงทุนในอีบิสิเนสอีก 50 ล้านบาท เพื่อจัดหาเครื่องมือที่ดีที่สุด
รวมทั้งร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จัดการอบรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานให้ก้าวทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมลงทุนในการสร้างเทคโนโลยีด้านการตลาดโฆษณา และระบบการจัดการข้อมูลของเราเอง เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ และพัฒนาการสื่อสารที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
“ทีมอีบิสซิเนสตั้งขึ้นในปี 2561 นับตั้งแต่นั้นมา เนสท์เล่มีการลงทุนทั้งด้านระบบและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีทีมงานเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า และการลงทุนในครั้งนี้ ก็เพื่อจัดหาเครื่องมือที่ดีที่สุด รวมทั้งร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จัดการอบรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานให้ก้าวทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,631 วันที่ 29 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563