นายมาร์ติน หลี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกายเวิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัทแม่ในประเทศจีน ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทย เพราะมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน มีศักยภาพ และมีโอกาสทางเศรษฐกิจสูง โดยบริษัทมีแผนจะเปิดสำนักงานในไทย เพื่อใช้เป็นฐานทัพในการขยายตลาดในเอเชีย โดยจะเริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านของไทยก่อน ซึ่งปัจจุบันสกายเวิร์ทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน และมีสำนักงานสาขาในยุโรป คือเยอรมนี และแอฟฟริกาใต้
สำหรับนโยบายการทำตลาดของสกายเวิร์ทในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 นี้จะเดินหน้าสร้างความเป็นแบรนด์นวัตกรรม ให้เข้าสู่ตลาดในเมืองไทยมากขึ้น โดยสกายเวิร์ทถือเป็นแบรนด์เดียวในประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิต OLED basic modules (OBM) ซึ่งมีการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรม OLED มากว่า 8 ปี จนทำให้สกายเวิร์ทขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการผลิตเทคโนโลยี OLED ซึ่งเป็นขั้นสุดแห่งนวัตกรรมพรีเมียมบนไฮเอนด์ทีวีในประเทศจีน
“ในช่วงก่อนวิกฤติโควิดสกายเวิร์ทตั้งเป้าที่จะเติบโต 20-25% แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ work from home ทำให้ภาพรวมธุรกิจของสกายเวิร์ทในปีนี้มีการเติบโตขึ้น 40% และมียอดขายทีวีเติบโตขึ้น 60% ทั้งในกลุ่มสมาร์ทีวีและ OLED TV”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี “สกายเวิร์ท” ได้เปิดตัว AI TV รุ่นใหม่ “SKYWORTH SUC7500” เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา และปรับโครงสร้างการขายโดยหันมาเน้นการพัฒนาไซส์ใหญ่มากขึ้น หลังจากที่พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ให้ความนิยมดูทีวีจอใหญ่ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาให้ทำให้ทีวีสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือได้
ด้านการจัดจำหน่ายบริษัทจะให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์มากขึ้น หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้บริษัทต้องเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ ทั้งมาร์เก็ตเพลส เช่น shopee เป็นต้น และในอนาคตจะขยายไปยังมาร์เก็ตเพลสรายอื่นๆ รวมทั้งเริ่มพัฒนาเว็บไซต์ www.skyworththaishop.com เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการขายและนำเสนอข้อมูลกับลูกค้า ขณะที่ช่องทางออฟไลน์ ก็ยังคงมีทั้งการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป และโมเดิร์นเทรด อาทิ Powerbuy, Homepro เป็นต้น
“ตลาดทีวีไฮเอนด์เมืองไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และสกายเวิร์ทถือเป็นแบรนด์ที่มีนวัตกรรม และเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น เช่นเดียวกับสินค้า made in china อื่นๆ หลังจากที่สร้างแบรนด์มานานกว่า 9 ปี ทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งตลาดราว 5% ในตลาดทีวีไฮเอนด์จอใหญ่ 55 นิ้วขึ้นไป และเพิ่มขึ้นเป็น 15% ภายในระยะเวลา 3-5 ปี”
ทั้งนี้นอกจากการนำนวัตกรรมต่างๆเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดกิจกรรมสนับสนุนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้นใน 1-2 ปีข้างหน้า เป็นต้น
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐ ฉบับที่ 3,637 วันที่ 20 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563