น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เผยปัญหาการส่งออกสุกรมีชีวิตไปประเทศกัมพูชาว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถส่งออกได้อันเนื่องมาจากความขัดแย้ง ของโบรกเกอร์ ระหว่าง กลุ่มที่ได้รับสิทธิ์ในการทำการค้ากับทางกัมพูชา กับอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับสิทธิ์ ที่ใช้รถยนต์และรถบรรทุกปิดกั้นถนนไม่ให้รถขนสุกรผ่านจุดผ่านแดนได้ ปัญหามานานมากกว่า 1 เดือน ส่งผลให้ปริมาณสุกรล้นตลาด กระทบต่อราคาหมูที่ตกต่ำลงอย่างมาก จากราคาสุกรหน้าฟาร์มที่เคยอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) แต่ตอนนี้ราคาตกต่ำอย่างหนักราคาขายจริงบางภูมิภาคหล่นลงไปถึง 60 กว่าบาทต่อกก. แล้ว ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ที่ สศก. คำนวณสูงถึง 75 บาทต่อกก. เท่ากับเกษตรกรผู้เลี้ยงต้องมารับผลกรรมที่ไม่ได้ก่อ ทั้ง ๆ ที่ต้องจำยอมกับภาวะขาดทุนมานานกว่า 3 ปี และยังต้องก้มหน้าแบกรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการป้องกันโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) จนไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ปลอดจากโรคนี้ คนไทยไม่ต้องกินหมูแพงเหมือนประเทศอื่นที่มีปัญหา ASF
“ปัญหาดังกล่าวข้างต้น สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมกว่า 4,500 ล้านบาท จากราคาสุกรที่ลดลงคิดเป็นมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท จากการผลิต1.85 ล้านตัวต่อเดือนและการส่งออกสุกรมีชีวิตที่ต้องหยุดชะงักเป็นมูลค่าสูงกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีผู้รับผิดชอบ แม้จะเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา ผ่านท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และกรมปศุสัตว์ แต่ยังหาขอสรุปไม่ได้ และไร้วี่แววว่าเมื่อไหร่การส่งออกสุกรจะเกิดขึ้น ประชุมไปหลายครั้ง ทั้งที่รองนายกฯ นั่งหัวโต๊ะโดยที่แท้จริงแล้วกระทรวงพาณิขย์ดูแลเรื่องตลาดน่าจะตัดสินใจ ทำอะไรสักอย่าง และยังได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีมาดำเนินการ
แต่หลังประชุมหารือแล้วเสร็จ ก็ยังให้เกษตรกรรอคำตอบโดยไม่มีกำหนด นั่งดูความเสียหายต่อไป ส่วนกระทรวงเกษตรเป็นผู้ผลิตถือว่ามีผลงานที่ดีเยี่ยมเกษตรกรขอชื่นชม แต่กรมปศุสัตว์เป็นผู้มีอำนาจโดยตรงเรื่องกฎระเบียบควรจะตัดสินใจ ตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งหากไม่ทำจะเกิดการละเว้นตามมาตรา157 ได้ ด้านข้อโต้แย้งเรื่องการค้าเสรีในการเป็น AEC ต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ใครจะไปร้องเรียนเชิญที่กระทรวงนี้และท่านควรเข้ามาร่วมทำหน้าที่เช่นกัน ตามนโยบาย "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ค้าเสรีต่างประเทศ"
“ขณะนี้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนักเพราะต้องขายหมูขาดทุน ภาครัฐและเอกชนร่วมกรมปศุสัตว์ลงทุนปัองกันโรค ASF จนสำเร็จ ผลประโยชน์น่าจะตกกับเกษตรกรและประเทศชาติแต่ทำไมจึงโยนปัญหานี้ไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้ หรือมีผู้มีอิทธิพลแสวงหาประโยชน์บนความลำบากของเกษตรกรอยู่เบื้องหลัง คนเลี้ยงหมูทั่วประเทศจึงจะนัดรวมตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อไปทวงถามคำตอบจากท่านนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายใน 7 วัน นับจากการประชุม 5 ฝ่ายที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา จะตรงกับวันที่ 24 ธ.ค. ซึ่งผลการประชุมยังต้องรอเสนอให้ท่าน รมว.พาณิชย์ พิจารณาก่อน โดยไม่ได้กำหนดว่าจะให้คำตอบได้เมื่อใด รออย่างไร้ความหวัง พวกเราทุกคนไม่อยากก่อความวุ่นวายให้กับรัฐบาล แต่ก็ไม่มีทางออกและกลัวว่าจะต้องล้มตายกันหมด" อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้าย