วันที่ 29 ธันวาคม 2563 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก(WTO) ปี 2564 – 2566 สำหรับสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป โดยแยกเป็นรายละเอียดดังนี้
เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ปริมาณในโควตา 3.15 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0 นอกโควตาร้อยละ 218 ,หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา 764 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 27 นอกโควตาร้อยละ 142 ,หัวพันธุ์มันฝรั่งปริมาณในโควตาไม่จำกัดจำนวน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0 นอกโควตาร้อยละ 125 และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปปริมาณในโควตาปี 2564 จำนวน 63,000 ตัน ปี 2565 จำนวน 71,000 ตัน และปี 2566 จำนวน 80,000 ตัน อัตราภาษีในโควตา ร้อยละ 27 และนอกโควตาร้อยละ125
สำหรับการเปิดตลาดสินค้าเกษตรดังกล่าวตามกรอบ WTO จะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตภายในประเทศ และยังเป็นการช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรได้ใช้เมล็ดพันธุ์นำเข้าในราคาที่เหมาะสม
โดยสินค้าหอมหัวใหญ่ที่นำเข้าจะเป็นชนิดแห้งเป็นผงและไม่เป็นผง ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้ ส่วนสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปมีผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และเป็นการให้สหกรณ์ ซึ่งมีเกษตรกรเป็นสมาชิกมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย
โดยเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่จะให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนหัวพันธุ์มันฝรั่งจะให้มีการพิจารณาจัดสรรการนำเข้าปีละ 3 ครั้ง เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้าและให้ผู้นำเข้าทำหนังสือรับรองพื้นที่เพาะปลูก โดยผู้นำเข้าต้องจำหน่ายหัวพันธุ์มันฝรั่งให้แก่เกษตรกรไม่เกินกิโลกรัมละ 35 บาท และรับซื้อหัวมันฝรั่งสดจากเกษตรกรในราคาดังนี้
ในช่วงฤดูฝนช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14 บาท ในช่วงฤดูแล้ง เดือนมกราคม-มิถุนายน ในปีเพาะปลูก2564/2565 และ2565/2566 ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.80 บาท และในปีเพาะปลูก2566/2567 ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ11 บาท
ส่วนหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปผู้นำเข้าต้องเป็นนิติบุคคล และต้องรับซื้อหัวมันฝรั่งสดจากเกษตรกรในราคาเดียวกับผู้นำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่งและให้นำเข้าได้ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคมของทุกปี