นายบุญชัย ศรีชัยยงพาณิช นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปจีนมี 16 ราย ก็ขอความร่วมมือให้รับซื้อมันสดในราคาแนะนำ แต่เป็นภาคสมัครใจ และไม่มีมาตรการที่จะใช้ลงโทษหากไม่รับซื้อตามราคาแนะนำ ซึ่งรัฐเองก็มีกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการตรวจสอบว่าต้นทุนและราคารับซื้อ นั้นเหมาะสมหรือไม่
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ราคามันสำปะหลังมีทิศทางสูงขึ้น เนื่องจากจีนกำลังขาดแคลนข้าวโพดเพื่อผลิตอาหารและแปรรูป ส่งผลราคาสูงขึ้น ทำให้จีนปรับนำเข้ามันสำปะหลังไปทดแทน เพื่อผลิตอาหารแปรรูป อาหารสัตว์ และเอทานอล คาดว่าปีนี้จีนจะนำเข้ามันเส้นสูงถึงกว่า 7 ล้านตัน จะนำเข้าจากไทยกว่า 5 ล้านตัน ถือเป็นการส่งออกของไทยสูงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จากเดิมนำเข้าเฉลี่ยปีละ 3.5 ล้านตัน และนำเข้าจากไทย 3 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศและส่งออกรวมกัน 40 ล้านตัน แต่ผลิตได้ในประเทศ 28 ล้านตัน ที่เหลือไทยต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
“ตอนนี้จีนเพิ่มนำเข้าเร็ว ราคาสูง และเพื่อไม่กระทบต่อเกษตรกร จึงยอมรับใช้การตั้งราคาแนะนำรับซื้อ ณ วันที่ 18 ม.ค. อยู่ที่ 2.40 บาทต่อกก.(เชื้อแป้ง25%) ซึ่งคิดจากเชื้อแป้งหัวมันและแอลกอฮอลล์ที่ได้จากหัวมัน โดยทิศทางราคาเอทานอลในจีนสูงขึ้นจากวันนี้ 7,100 หยวนต่อตัน ก็จะเพิ่มราคาแนะนำรับซื้อในสัปดาห์ถัดไป เป็น 2.45 บาทต่อกก. และ 2.50 บาทต่อกก. ซึ่งเท่ากับราคาประกันรายได้ และมีโอกาสราคาหัวมันสดจะถึง 3 บาท/กก.”
ด้านนายรังสี ไผ่สะอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้ทั้ง 3 สมาคมความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรด้วยการไม่ฮั้วตัดราคารับซื้อจากเกษตรกร ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ราคามันสำปะหลังเหลือเพียง 2 บาทกว่าเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ 2.30 บาท/กก. และผลผลิตต่อไร่ลดลง ซึ่งราคาที่เกษตรกรควรได้คือ 2.50 บาท/กก. หากผลผลิตน้อย ความต้องการสูงราคาก็ต้องปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่เกษตรกรได้ราคารับซื้อที่ต่ำเป็นเพราะสมาคมต่าง ๆเหล่านี้ร่วมมือกันกดราคา จึงเรียกร้องให้สมาคมออกระเบียบขับสมาชิกที่มีพฤติกรรมดังกล่าวออกจากสมาคมเพราะจะส่งผลให้ผู้ส่งออกรายนั้นถูกตัดสิทธิการส่งออก ซึ่งการมีกฎดังกล่าวจะทำให้ผู้ส่งออกไม่กล้าตัดราคารับซื้อจากเกษตรกร
ในขณะที่นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาหัวมันสำปะหลังสดภายในประเทศตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ไม่สะท้อนกลไกตลาดโลกที่ราคาอยู่ในช่วงขาขึ้น จึงขอความร่วมมือภาคเอกชน 3 สมาคมคือสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่กดราคารับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร และเห็นพร้องใช้การกำหนดราคารับซื้อหัวมันสด เริ่มที่ราคา 2.40 บาท/กก. เชื้อแป้ง 25% ไม่ต่ำกว่า 2.40 บาท/กก. และจะปรับเพิ่มเป็นขั้นบันไดให้มีราคาไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท/กก. ตามราคาประกันรายได้พร้อมให้แต่ละสมาคมเข้มงวดสมาชิกรับซื้อตามราคาแนะนำ หากไม่ทำตามก็ให้ทบทวนการเป็นสมาชิก ด้วยการขับออกจากการเป็นสมาชิกสมาคม ซึ่งท้ายสุดจะส่งผลให้ผู้ส่งออกรายนั้น ๆ พ้นสภาพการเป็นผู้ส่งออกตามกฎหมายไปด้วย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากปริมาณมันสำปะหลังของไทยยังไม่เพียงพอต่อการส่งออกจึงต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐานมากขึ้น เพราะจะส่งผลต่อการส่งออกมันสำปะหลังของไทยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้กรมและกรมการค้าภายใน(คน.) ติดตามผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมทำลายตลาดอย่างใกล้ชิด และบังคับใช้กฎหมายในกำกับดูแลของแต่ละหน่วยงานทันทีเมื่อพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากกลไกภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง จะแก้ปัญหาการขายตัดราคาที่ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวได้
ทั้งนี้ หากพบเห็นการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ความชื้นสูง มีสิ่งปลอมปน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ และหากเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อขายมันสำปะหลัง หรือถูกเอาเปรียบในการชั่ง ตวง วัด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน(คน.) กล่าวว่า กรมจะเข้มงวดในการขนย้ายมันสำปะหลัง ตรวจสอบการรับซื้อหัวมันสำปะหลังในแหล่งผลิตสำคัญของผู้ประกอบการลานมัน และพร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบเอกชนมีพฤติกรรมการ ผิดตาม มาตรา 29 เป็นผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการใด ๆ โดยจงใจที่จะทำให้สินค้าราคาต่ำหรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งของราคาสินค้าหรือบริการ มีโทษตามมาตรา 41 จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินและบริการ พ.ศ.2542 รวมทั้งเข้มงวดการสต็อกผลผลิตเพื่อป้องกันการบิดเบือนราคา
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการประกันรายได้มันสำปะหลังนี้ ซึ่งดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 ได้เริ่มจ่ายเงินไปโดยกำหนดราคาเป้าหมาย 2.50 บาท/กก. รวมทั้งมีโครงการอื่น ๆ คู่ขนาน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง วงเงิน 69 ล้านบาท ,โครงการสินเชื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่ม โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลัง เพื่อสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการแปรรูปมันสำปะหลัง เป็นต้น