"OR" ระดมทุน 5.3 หมื่นล้าน รุกหนัก Non-Oil-ควบรวมธุรกิจ 

23 ม.ค. 2564 | 10:05 น.

OR เผยระดมทุน 5.3 หมื่นล้าน เน้นขยายธุรกิจ Non-Oil และต่างประเทศเป็นหลัก ดันสัดส่วนกำไรให้เพิ่มมากขึ้น ดันแผน 5 ปีขยายร้านอเมซอนกว่า 2,000 สาขา ปั๊มน้ำมัน 100 แห่ง รุกควบรวมธุรกิจเพิ่ม 

 

บริษัท ปตท.น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เตรียมนำเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และคาดจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564  เป้าหมายระดมทุนกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับแผนลงทุน 5 ปี

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ “ปตท.” เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของ OR หลังระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน (Non-Oil) และธุรกิจที่ต่างประเทศเป็นหลัก  เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ของทั้ง 2 ส่วนให้เพิ่มมากขึ้น  จากเดิมที่สัดส่วนรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากทั้งหมดของ Non-Oil อยู่ที่ประมาณ 25% และต่างประเทศอยู่ที่ 6% 

 

ขณะที่ธุรกิจน้ำมันก็จะมีการขยายต่อยอดไปเช่นเดียวกัน โดยแผนการลงทุนช่วง 5 ปีหลังจากนี้ OR มีแผนจะขยายสาขาของร้านคาเฟ่อเมซอนเพิ่มขึ้น 400 สาขาต่อปีในประเทศ (5 ปี 2,000 สาขา) และขยายสาขาเพิ่มในต่างประเทศอีก 300 สาขา หรือเฉลี่ยปีละ 60-70 สาขา ขณะที่สถานีบริการน้ำมันหรือปั๊มปตท.จะขยายสาขาเพิ่มประมาณ 100 แห่ง

  แผนขยายธุรกิจ

 

อย่างไรก็ดี  ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil นั้น เริ่มมีการทำดีลควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) เช่น การเข้าไปถือหุ้นในบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านโลจิสติกส์จัดส่งพัสดุ อันดับ 3 ของประเทศ และเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่จำหน่ายเครื่องชงและอุปกรณ์กาแฟแบรนด์ “พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์” (Pacamara Coffee Roasters) และยังมีอีกหลายดีล M&A ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการดำเนินการ  โดยจะทยอยเปิดเผยความชัดเจนออกมาต่อเนื่อง 

 

“การที่ OR มีธุรกิจ Non-Oil ซึ่งมี EBITDA สัดส่วน 25% ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นจุดเด่นหากเปรียบเทียบกับธุรกิจที่คล้ายกัน เพราะธุรกิจ Non-Oil มีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจน้ำมัน โดยในอนาคตสัดส่วน EBITDA ของ ธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจต่างประเทศ จะต้องเติบโตเพิ่มขึ้น”

 

สำหรับขนาดธุรกิจของ OR ในปัจจุบันมียอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 (ม.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 5.9 พันล้านบาท โดยธุรกิจของ OR ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่  1.ธุรกิจน้ำมัน ซึ่งครอบคลุมการค้าน้ำมันในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ โดยทั้ง 2 ตลาด มียอดขายใกล้เคียงกัน ช่วง 9 เดือนปี 2563 ยอดขายผ่านปั๊มน้ำมัน และตลาดพาณิชย์ อยู่ที่อย่างละประมาณ 9,000 ล้านลิตร ธุรกิจน้ำมันยังมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศอันดับที่ 1 

 

2. Non-Oil ครอบคลุมร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน มีสาขาในประเทศกว่า 3,000 สาขา และแบรนด์ร้านค้าปลีกอื่นทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการให้บริการเช่าพื้นที่ภายในปั๊ม ปตท. ที่สามารถสร้างกำไรให้ได้พอสมควร และ 3.ธุรกิจต่างประเทศ ครอบคลุมปั๊มน้ำมันอยู่ในต่างประเทศกว่า 300 แห่ง ใน 4 ประเทศ และมีร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน 270 แห่งในหลายประเทศ  

 

“หากถามว่าความน่าสนใจของ ปตท. จะลดลงหรือไม่ เมื่อมีการแยก OR ออกไป ต้องเรียนว่าในกลุ่มของ ปตท. มีความหลากหลาย โดย OR ถือเป็นบริษัทเรือธง (Flagship) หนึ่ง ที่จะช่วยเพิ่มสีสัน ซึ่งต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ปตท. ยังถือหุ้นอยู่ใน OR มากกว่า 70% เมื่อมีการระดมทุนเข้ามาเพื่อขยายธุรกิจของ OR ให้เติบโต ปตท. ก็จะเติบโตด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น  การนำ OR เข้า ตลท. จึงเสมือนเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้สามารถดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น”

 

ที่มา : หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,647 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2564