เทศบาลนครหาดใหญ่ทำหนังสือถึงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)-ผู้ว่าฯสงขลา ดัน “นครหาดใหญ่เมืองปลอดภาษี” ฟื้นอัตลักษณ์ในอดีตชูจุดขายแหล่งจับจ่ายสินค้าราคาถูก ดึงดูดคนไทย-ต่างชาติเข้าพื้นที่ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 และ 26 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เทศบาลนครหาดใหญ่ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เรื่องขอสนับสนุนให้นครหาดใหญ่เป็นเมืองปลอดภาษี โดยชี้ว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รอบใหม่ ทำให้นครหาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ร้านค้า โรงแรม ย่านธุรกิจ การท่องเที่ยวซบเซา กระทั่งบางกิจการต้องปิดตัวลงไป
ฉะนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของนครหาดใหญ่ จึงประสงค์ขอความสนับสนุนจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ประสานรัฐบาลให้นครหาดใหญ่ ดังต่อไปนี้
1.สนับสนุนให้นครหาดใหญ่เป็นเมืองการค้าปลอดภาษี (Border Town) โดยจะจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยสามารถใช้จ่ายได้ในวงเงินปลอดภาษีตามที่รัฐบาลเห็นสมควร (25,000-35,000 บาท) เพื่อเป็นการกระตุ้นและแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาของนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามที่รัฐบาลประกาศ และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้าของภาคใต้ตอนล่างต่อไป
2.เห็นควรขยายเวลาการเปิดให้บริการของสถานบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รอบใหม่ ผ่อนคลายลง
จึงขอความอนุเคราะห์ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ประสานรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไป
ดร.กิตติ เรืองเริงกุลฤทธิ์ ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการนี้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้นำเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยได้พูดคุยกับทางรองเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อนำเสนอโครงการไปยังศอ.บต. พิจารณานำไปหารือกับทางครม.และรัฐบาล ในเรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
“เหตุผลก็คือเป็นแนวทางเพื่อเสนอให้พิจารณา ว่าแนวทางนี้อาจจะเป็นแนวทางหนึ่ง ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษกิจ”
ซึ่งแนวทางอื่น ๆ ในการฟื้นเศรษฐกิจกระตุ้นการท่องเที่ยวนั้น หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐก็ดำเนินการอยู่แล้ว แต่เรื่องที่นำเสนอนี้เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ หรือทางจังหวัดที่จะดำเนินการได้
ดร.กิตติกล่าวอีกว่า ก่อนที่จะนำเสนอแนวทางดังกล่าวนั้น แนวคิดจริง ๆ ที่ต้องยอมรับในส่วนของหาดใหญ่เรา ว่ารากเหง้าของหาดใหญ่คืออะไร ซึ่งอัตลักษณ์ของหาดใหญ่ก็คือ เป็นเมืองที่คนเขารู้จักกันดีตั้งแต่อดีต ว่าเป็นเมืองที่มีสินค้าหนีภาษี ราคาถูก เป็นรากเหง้าที่ทำให้หาดใหญ่เติบโตขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน หลายคนพูดเช่นนั้น
“เราก็เลยมานั่งคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็เอาอัตลักษณ์ของหาดใหญ่กลับมา แต่ว่าการนำกลับมาในลักษณะที่ผิดกฎหมายคงไม่ดีแน่ ก็เลยคิดว่าควรจะทำถูกต้องในลักษณะเมืองปลอดภาษี ซึ่งก็ทำกันได้”
ดร.กิตติยกตัวอย่างว่า กรณีประเทศมาเลเซียก็มีในหลายพื้นที่ เช่นร้านดิวตี้ฟรีที่อยู่ติดชายแดนไทยด้านอ.สะเดา จ.สงขลา ของเราเอง ถ้าหากรัฐบาลเห็นด้วยก็อาจจะต้องประสานกับทางนักวิชาการ เพื่อทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอรัฐบาลต่อไป
“ในเบื้องต้นคิดว่าเรานำอัตลักษณ์ของหาดใหญ่กลับมาเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ดิวตี้ฟรีที่ว่านี้อาจจะไม่เหมือนดิวตี้ฟรีเหมือนที่อื่น ๆ ที่เปิดให้เฉพาะคนต่างชาติเท่านั้นที่ซื้อได้ ต้องให้คนไทยสามารถซื้อได้ด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว ทำให้คนมีเหตุผลที่จะมาหาดใหญ่มากขึ้น คือมาเพื่อซื้อสินค้าเพราะที่นี่เป็นเมืองปลอดภาษี”
สำหรับการขยายเวลาการเปิดให้บริการของสถานบริการ ให้เปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมงก็เช่นกัน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สถานบริการซบเซา ฉะนั้น ส่วนนี้ถ้าเราขยายเวลาในเรื่องการให้บริการเพิ่มขึ้นก็จะช่วยในเรื่องเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง “เมื่อมีระยะเวลาในการบริการในการขายเพิ่มขึ้น แน่นอนยอดขายก็ต้องเพิ่มขึ้น ทำให้สถานประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือทำทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ยิ่งขึ้น” ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าว
หน้า 17 ฉบับที่ 3,652 วันที่ 11 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นิพนธ์”ถกนักธุรกิจรุ่นใหม่หาทางฟื้นศก.สงขลา-หาดใหญ่
สงขลา พลิกตัวครั้งใหญ่ จ่าฝูงใหม่“ใต้ตอนกลาง” โหมหาดใหญ่ฮาร์ดเซลล์