นายโอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย เปิดเผยว่า วอลล์สตรีท อิงลิช ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์โควิด ไว้หลายส่วนทั้งการพัฒนารูปแบบการเรียนออนไลน์ขึ้น เพื่อรองรับผู้เรียนที่ไม่สดวกเดินทางไปที่สาขา และเป็นการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
สำหรับการแพร่ระบาดในระลอกที่2 นอกจากการเรียนที่สาขา และออนไลน์แบบ 100% แล้ว ยังได้เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ใหม่ ออมนิ เลิร์นนิ่ง ที่ผสมผสานการเรียนระหว่างการเข้าเรียนที่สาขากับการเรียนออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยผู้เรียนจะเป็นผู้ออกแบบการเรียนที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ เช่น การเรียนออนไลน์ 100% หรือการเรียนที่สาขาก็ทำให้ผู้เรียนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
สิ่งที่ทำให้ วอลล์สตรีทฯ ต่างจากแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วไปคือ การพัฒนาหลักสูตรที่กำหนดผู้เรียน 4 คนต่อคลาส และนักเรียนทุกคนต้องอยู่ในระดับเดียวกัน รวมทั้งจัดโค้ชคอยให้คำแนะนำแบบ One-on-One หลังเรียนจบแต่ละครั้ง เพื่อให้ฟีดแบ็คและสร้างกำลังใจแก่ผู้เรียน
ในปีที่ผ่านมา วอลล์สตรีทฯ มีรายได้รวม 400 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 600 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโต 40% ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ทำให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ และมีแผนขยายสาขาเพิ่มในประเทศ 1-2 สาขา จากปัจจุบันที่มี 15 สาขา และมีแผนขยายการลงทุนที่ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และหลวงพระบาง สปป.ลาว ใช้งบลงทุนอย่างน้อย 1 ล้านบาทต่อสาขา ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่
อย่างไรก็ดี คาว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ของวอลล์สตรีทฯ จะแบ่งออกเป็น การเรียนที่สาขา 60% ออนไลน์ 30% และออมนิ เลิร์นนิ่ง 10%
“โควิด-19 ทำให้เราเห็นโอกาส และพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเรียนรู้ ในแบบ Online learning experience และปีนี้ ยังเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาส เพราะแม้ว่าโควิด จะทำให้ภาพรวมตลาดซบเซาลงไปและคู่แข่งหลายรายในตลาดต้องปิดตัวลง เป็นโอกาสให้เราได้ปรับตัวและรุกตลาด ทำให้เชื่อว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 40%”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วอลล์สตรีท อิงลิช ปักหมุดสีลม ปั้น Co Learning Space
"ไทย"ทักษะภาษาอังกฤษอ่อน รั้งอันดับ 89 จาก100 ประเทศ
“สพฐ.” จับมือ สปีคซ์ ประเทศไทย ส่งเสริมเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์