ปัจจุบันผู้คนเปิดกว้างและยอมรับในความหลากหลายของสถานที่ในการทำงาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทด้านการบริหารธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้คนยุคใหม่ได้มองข้ามประเด็นทัศนคติแบบเหมารวมทางเพศ (gender stereotype) เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือผลงาน ไม่ใช่เรื่องเพศ
รายงานจากบริษัท Ninja Van (นินจา แวน) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) ระบุว่า การเปิดกว้างข้างต้น เป็นวัฒนธรรมที่ปลูกฝังในองค์กร Ninja Van ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนพนักงานที่เป็นผู้หญิงประจำสาขาในประเทศไทยถึง 60% และดำรงตำแหน่งระดับสูงอีก 40% แสดงให้เห็นว่าการวัดคุณค่าของพนักงานนั้นไม่ได้มองว่าพนักงานจะเป็นเพศใด แต่ต้องดูที่ความสามารถในการทำงาน การแก้ปัญหาต่าง ๆ การตัดสินใจ และการเป็นผู้นำที่ดีของทีม ทำให้ Ninja Van เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของงานมากกว่าสิ่งอื่นใด
ฐานิตา อุปรานุเคราะห์ Head of Partnerships ของ Ninja Van ซึ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทช่วงกลางปี 2561 กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้พัฒนาและเรียนรู้จากการที่ได้มาทำงานกับ Ninja Van คือ เสียงของทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ความคิดนี้ผลักดันให้ตนประสบความสำเร็จตลอดเวลาที่ดิฉันทำงานที่ Ninja Van โดยได้รับโอกาสในการทำงานหลากหลายบทบาท และได้ทำงานในหลายประเทศ ทั้งไทย เวียดนาม จีนและฟิลิปปินส์ซึ่งทุก ๆ ที่มีทัศนคติเดียวกัน คือ การรับฟัง การรับฟังความคิดของพนักงานทุกคนใน Ninja Van ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับคิดว่าช่วยให้ทุกคนมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น ทำให้เรากล้าคิด กล้าเสนอความคิดเห็น
นริศรา คงเจริญสุขยิ่ง Head of Commercial เผยว่า ไม่ได้ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายการค้าด้านโลจิสติกส์ที่ Ninja Van เป็นที่แรก โดยเชื่อว่าบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องผลลัพธ์ของการทำงานมากกว่า แม้ว่าการทำงานในภาคส่วนนี้จะดูเหมือนเน้นผู้ชายเป็นหลัก ดังนั้น เรื่องเพศจึงไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน
“การทำงานกับ Ninja Van สอนดิฉันว่าอย่าให้เพศจำกัดความสามารถในการทำงานของตัวเรา เรามีโอกาสมากมายที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันเป็นทีมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เราเติบโตในหน้าที่การงานได้ ดังนั้น เรื่องเพศจึงไม่ได้จัดว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญของบริษัทเลย เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องผลงานมากกว่า”
ทั้งนี้นับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยในปี 2559 Ninja Van ได้ลงทุนในด้านเทคโนโลยี บุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของ E-Commerce ในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทให้บริการกลุ่มร้านค้าปลีกย่อยในประเทศไทยประมาณ 10,000 รายต่อวัน รวมถึงแพลตฟอร์ม E-Commerce ชั้นนำอย่าง Shopee และ Lazada และยังใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เพียซ เอิง Chief Operating Office ของ Ninja Van ประเทศไทย กล่าวว่า แม้บริษัทจะเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แต่อีกหนึ่งทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดก็คือบุคลากรที่มีคุณภาพ ที่ต้องการมอบสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีให้แก่พนักงาน เพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทเราในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค บริษัทประเมินพนักงานโดยพิจารณาจากทักษะและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลโดยไม่คำนึงถึงเพศหรือพื้นหลังของพวกเขา โดยให้โอกาสที่เท่าเทียมกันในการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้บริษัทฝ่าฟันอุปสรรคในวันข้างหน้า และผลักดันให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับ Ninja Van
Ninja Van เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการจัดส่งพัสดุสำหรับธุรกิจทุกขนาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Ninja Van เปิดตัวที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2557 และกลายเป็นบริษัทโลจิสจิกส์ที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ขณะนี้ Ninja Van ได้ขยายเครือข่ายครอบคลุมทั้งหมด 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และ เวียดนาม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ninjavan.co
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
บิ๊กโลจิสติกส์อาเซียน“นินจา แวน” เปิดตัวเครื่องมือใหม่ช่วยลูกค้ารุ่ง |
นินจา แวน พร้อมรุกในทุกความต้องการด้านพัสดุ
เปิดแอพ “นินจา แวน”แก้ปัญหาจัดส่งพัสดุด้วยเทคโนโลยี