thansettakij
ทำไม “ทรัมป์" จึงยอมยกเว้น การโขกภาษี สมาร์ทโฟน-คอมพิวเตอร์-อิเล็กทรอนิกส์

ทำไม “ทรัมป์" จึงยอมยกเว้น การโขกภาษี สมาร์ทโฟน-คอมพิวเตอร์-อิเล็กทรอนิกส์

15 เม.ย. 2568 | 10:30 น.

ทำไม “ทรัมป์" จึงยอมยกเว้น การโขกภาษี สมาร์ทโฟน-คอมพิวเตอร์-อิเล็กทรอนิกส์ ด้านรัฐบาลไทย ส่งสองขุนพล บินด่วนเจรจา ภาษีทรัมป์

 

กำแพงภาษีการนำเข้าสินค้า มหาโหดของ “โดนัลด์ ทรัมป์”ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  มีผลทำให้การค้า อุตสาหกรรม สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 

จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นขณะเดียวกัน การบริโภคภายของคนสหรัฐฯเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วยจากค่าครองชีพและสินค้าที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว  หลายชาติต่างตบเท้าเจรจารวมถึงไทย ในขณะมหาอำนาจอย่างจีน ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทันควันโดยประเมินว่าจีนน่าจะมีความได้เปรียบ

   โดยเฉพาะ สินค้า นำเข้าสหรัฐฯ ของกลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสินค้ายอดฮิต ของพลเมืองสหรัฐฯ ล้วนผลิตในจีนกว่า80%

โดยเฉพาะ ไอโฟน ผลิตภัณฑ์หลักของแอปเปิล ที่นำเข้าในสหรัฐฯมากกว่า50 %  การที่สหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีจีนที่สูง ผู้ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบจะเป็นสหรัฐฯเอง ที่จะซื้อสินค้าในกลุ่มดังกล่าวสูงหลายเท่าตัว ยกตัวอย่าง ไอโฟน บางรุ่น จากเดิมราคา4หมื่นบาท เมื่อนำเข้าจากจีนราคาจะสูงถึง7หมื่นบาทเป็นต้น     

จึงนำมาซึ่งการปรับท่าทีและมาตรการของทรัมป์ใหม่ ต่อกำแพงภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้โดยล่าสุด ทรัมป์  ตัดสินใจยกเว้นภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน ถือเป็นการช่วยคลายความกังวลให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง และลดระดับความรุนแรงของการทำสงครามการค้ากับจีนลง

หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เผยแพร่ประกาศ เปิดเผยรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษีตอบโต้ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้กับสินค้าจากทั่วโลกที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ

ได้แก่ สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ และการ์ดหน่วยความจำ โดยการยกเว้นดังกล่าวจะมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 5 เมษายน

สำหรับสินค้ากลุ่มนี้ที่นำเข้าจากจีน จะได้รับการยกเว้นเฉพาะภาษีตอบโต้ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 125% ในสัปดาห์นี้เท่านั้น โดยจะยังถูกเก็บภาษีนำเข้า 20% ก่อนหน้านี้ ที่มีผลกับสินค้าที่นำเข้าจากจีนทุกชนิด ซึ่งเชื่อมโยงกับวิกฤตเฟนทานิลในสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์มีขึ้นหลังจากบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งของสหรัฐฯ กังวลว่าราคาอุปกรณ์และสินค้าต่างๆ อาจพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากอุปกรณ์จำนวนมากผลิตในจีน

โดยเฉพาะไอโฟน ผลิตภัณฑ์หลักของแอปเปิล ที่มีสัดส่วนการขายในสหรัฐฯ มากกว่าครึ่งของยอดขายทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว และกว่า 80% ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ผลิตจากโรงงานในจีน

ขณะก่อนหน้านี้โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ พูดไว้อย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถพึ่งพาจีนในการผลิตเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ชิป สมาร์ทโฟน และแล็ปท็อปได้ และการยกเว้นภาษีสินค้ากลุ่มนี้ก็เพื่อให้บริษัทต่างๆ มีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าเป็นเวลา 90 วันสำหรับทุกประเทศ ยกเว้นจีน ทำให้สินค้าจากจีนที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ จะยังคงถูกเก็บภาษีในอัตรา 145% ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะเผชิญเพียงภาษีพื้นฐาน ซึ่งอยู่ที่10%

ขณะประเทศไทย  มีการสรุปประเด็นของคณะกรรมการติดตามมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา ทั้งในส่วนกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน

อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ผู้ส่งออกและนำเข้าด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยในวันที่15 เมษายนนี้ คณะกรรมการฯจะสรุปผลทั้งหมด เพื่อวิเคราะห์ผลได้ ผลเสียและความเป็นไปได้ เพื่อเตรียมเป็นข้อมูลในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะผู้เจรจาจะเดินทางล่วงหน้าไป ที่นครซีแอตเทิล สหรัฐ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายนนี้ คณะล่วงหน้าจะเดินทางไปพบกับนักธุรกิจในกลุ่มต่างๆ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนด้านอื่นๆ

จากนั้นในวันที่ 20 เมษายน นี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมกับคณะของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเป็น “ทีมไทยแลนด์” และทั้งคณะจะเดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อเตรียมเข้าพบกับผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 21 เมษายนนี้