ผู้ค้าวงการข้าวโพด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า รายงานสถานการณ์ตลาดชิคาโก หรือ Chicago Mercantile Exchang (CME) และ Chicago Board of Trade (CBOT) ณ วันที่ 23 มีนาคม 2564 ราคา "ข้าวสาสี" ปิดบวกนำตลาดจากที่มีการนำเข้ามาซื้อข้าวสาลีปริมาณมากจากเกาหลีใต้ และประเทศไทย ขณะที่สภาวะอากาศที่ดีในพื้นที่ปลูกของเขตทะเลดำเช่นเดียวกับคุณภาพของต้นที่ดีขึ้นของ winter wheat ในเขตพื้นราบตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา และมีฝนตกภาคกลางของพื้นที่ราบที่จะให้ผลผลิตคุณภาพดีและปริมาณมากขึ้น
ล่าสุด มีข่าวว่า “อียิปต์” ประเทศที่ที่นำเข้าข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก) ได้ผลผลิตข้าวสาลีในปีนี้เพิ่มมากกว่า 1% สู่ระดับ 330.7 ล้านบุชเชล ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ในขณะที่ต้องการนำเข้าข้าวสาลีเพิ่มเติมถึง 485.0 ล้านบุชเชล
ส่วนสถานการณ์ “ถั่วเหลือง” ราคาขยับขึ้น ต่อด้วยการขนส่งถั่วเหลืองบราซิลไปจีนยังมีความล่าช้าด้วยฝน เป็นอุปสรรคในการขนถั่วจากไร่นาไปลงเรือเพื่อส่งออกทำให้มีเรือจอดรอรับสินค้าอยู่เป็นจำนวนมาก และน่าจะมีผลให้ค่าระวางเรือไปจีนแพงขึ้น ขณะที่สหรัฐอเมริก ยังมีความต้องการใช้ "น้ำมันถั่วเหลือง" ในการผสมเป็นไบโอดีเซล
ปิดท้าย สถานการณ์ราคา “ข้าวโพด” ก็มีราคาขยับขึ้นปิดบวกได้เล็กน้อย ขณะที่มีรายงานการปลูกข้าวโพดของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม ที่รัฐภาคใต้ มีความก้าวหน้า อาทิ รัฐเทกซัสปลูกได้เพิ่มขึ้น 8% จากสัปดาห์ก่อนสู่ระดับ 38% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีถึง 4%
“รัฐหลุยส์เซียนา” ปลูกได้แล้ว 52% ขณะที่รัฐมิสซิซิปปีปลูกได้แล้ว 11% เช่นเดียวกับบราซิลที่ปลูกข้าวโพดรุ่น2 หรือ Safrinha corn ได้ 86.2% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เพียง 10% จากภาวะภัยแล้ง และรอใช้พื้นที่ที่กำลังเก็บเกี่ยวถั่วเหลือง เพื่อมาปลูกข้าวโพดรุ่นนี้ มีข้อสังเกตจากภาคการค้าจีนว่า จีน ได้ซื้อข้าวโพดในสัปดาห์ที่แล้วเปแนปริมาณถึง 152.6 ล้านบุชเชล แต่ยอดคาดการณ์ขายส่งออกสิ้นสุด ณ 18 มีนาคม ที่ตรวจสอบได้มีเพียง 77.1 ล้านบุชเชล
ผู้ค้าวงการข้าวโพด กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วง ก็คือ ราคาข้าวโพดในประเทศนี้ จะส่งผลหนัก เพราะหากผู้นำเข้าข้าวสาลีเข้ามามาก ตามที่เป็นข่าวจริง ราคาจะตกต่ำ นอกจากวัตถุดิบอื่นๆ ที่เป็นอาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมันสำปะหลัง หรือ ปลายข้าว ก็ดี ย่อมส่งผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง