นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ถือว่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง แต่เซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายและไม่แน่นอน ด้วยจุดแข็งขององค์กรในด้านบุคลากรที่มีศักยภาพ และมี Growth Mindset ที่พร้อมเติบโตไปกับองค์กร
รวมถึงการเป็นผู้ริเริ่ม และกลายเป็นผู้นำด้านออมนิแชแนล ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการทำธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งใช้ความได้เปรียบจากพอร์ตธุรกิจที่มีความหลากหลาย และความยืดหยุ่น ทำให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และโรบินสันสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่น
พร้อมเร่งเครื่องขยายไทวัสดุ และท็อปส์ มาร์เก็ต ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และขยายสู่ประเทศเวียดนาม อีกทั้งยังผนึกกำลังกับซีโอแอล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม B2B ส่วนตลาดเวียดนามยังขยายในกลุ่มธุรกิจฟู้ด และศูนย์การค้า GO! อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผ่านการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และการดูแลอย่างใกล้ชิดในด้านกระแสเงินสด พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเข้าซื้อธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อเสริมพอร์ตของบริษัทให้หลากหลาย ทั้งนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจในระยะยาวตามแผนที่ได้วางไว้ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ด้วยความแข็งแกร่งของ New Central Retail Lifestyle & Food Platform ซึ่งประกอบด้วย Central โมบายล์แพลตฟอร์ม ที่เป็น Everyday Lifestyle Application รวมทุกกลุ่มสินค้านอนฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า The 1 กว่า 18 ล้านราย และลูกค้าใหม่ๆ การเพิ่มสินค้ากลุ่ม @Home Platform ทั้งในหมวด Live Learn Work ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้สามารถสร้างยอดขายให้ เซ็นทรัล รีเทล ได้กว่า 50% ในไตรมาสที่ 1/2564
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่าง ท็อปส์ ออนไลน์, ควิกคอมเมิร์ซ และให้บริการ Personal shopper แก่ลูกค้าทุกคน ขณะเดียวกันในส่วนของห้างร้าน และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ก็ยังคงยกระดับมาตรการความสะอาด และปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจทุกครั้งที่มาใช้บริการ
ปัจจัยที่แข็งแกร่งข้างต้น ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถพลิกไตรมาส 1 ฟื้นเกือบสู่ปกติ ด้วยผลประกอบการแตะ 90% ของก่อนช่วงโควิด ปิดไตรมาสแรก ปี 2564 ด้วยรายได้รวม 49,031 ล้านบาท (-9.7% YoY) EBITDA 5,398 ล้านบาท (-8.2% YoY) กำไรสุทธิ 459 ล้านบาท (-48.4% YoY) ซึ่งหากเทียบระหว่างไตรมาส 1 ปีนี้กับปีที่แล้ว ถือว่าผลกระทบในปีนี้ค่อนข้างรุนแรงกว่าปีก่อน
จากสถานการณ์กึ่งล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 และ 3 ที่ทำให้ธุรกิจบางส่วนต้องหยุดชะงักชั่วคราว แต่ เซ็นทรัล รีเทล ก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.40 บาทต่อหุ้นของผลประกอบการปี 2563 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,412 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย
“ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เซ็นทรัล รีเทล ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายขององค์กร (Brand Purpose) ที่จะเป็นศูนย์กลางชีวิตของผู้คน (Central to Life) สำหรับลูกค้า พนักงาน พาร์ทเนอร์ และชุมชน โดยได้ยกระดับการช่วยเหลือสังคมให้มากยิ่งขึ้น เราจึงเริ่มโครงการ “CRC รวมพลัง กู้วิกฤตโควิด-19” โดยเป็นผู้นำ และผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของเราในการสร้างต้นแบบระบบการฉีดวัคซีนที่ครบวงจร เพื่อกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง
พร้อมนำเสนอพื้นที่ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ในการฉีดวัคซีนทั้งหมด 109 แห่งทั่วประเทศ โดยเริ่มที่แรกที่ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง รวมถึงการบริจาคกล่องกระดาษลูกฟูก เพื่อจัดทำเตียงสนาม 6,000 เตียง และบริจาคสิ่งของจำเป็นอื่นๆ พร้อมทั้งการสร้างต้นแบบโมเดลเพื่อเป็นแต้มต่อให้กับ SME โดยเฉพาะรายเล็กๆ ในการเข้าถึง Soft Loan โดยเซ็นทรัล รีเทล เชื่อมั่นว่าการรวมพลังของทุกภาคส่วน จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :