นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์แล้ว โมเดอร์นฟอร์มยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านต่างๆ ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธุรกิจด้านสุขภาพ
ที่บริษัทได้เข้าลงทุนจัดตั้งบริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” ตั้งแต่ปี 2548 ในสัดส่วน 95% คิดเป็นเงินลงทุน 150 ล้านบาท โดยเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้า ผลิต จัดจำหน่ายครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมไปจนถึงออกแบบรับเหมาก่อสร้างพื้นที่ทางทำหัตถการต่างๆ ภายในโรงพยาบาล อาทิ ห้องปรับอากาศแรงดันบวก/ลบ Co-Hort Ward ห้องผ่าตัดไฮบริด ห้องสวนหัวใจ หอผู้ป่วยวิกฤติ หอผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นต้น
ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการทางการแพทย์อย่างเต็มตัว เนื่องจากธุรกิจด้านการแพทย์เป็น 1 ใน 10 S-Curve ใหม่ที่มีศักยภาพเติบโต ท่ามกลางยุคที่คนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพื่อนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้การลงทุนของ MHC ในโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา จ.อุบลราชธานี ในสัดส่วน 40% คิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาท ร่วมกับทีมนายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้งบประมาณการก่อสร้างและจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ร่วม400 ล้านบาท จะช่วยหนุนให้โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคมะเร็งเอกชนแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีมาตรฐานเทียบเท่าสถาบันการแพทย์นานาชาติปัจจุบัน
ซึ่งประเทศไทยยังมีจำนวนโรงพยาบาลหรือศูนย์รักษาโรคมะเร็งเฉพาะทางที่ดูแลรักษาแบบครบวงจรไม่มากนักและกระจุกตัวในกรุงเทพมหานครเป็นส่วนใหญ่ ถือเป็นสาเหตุสำคัญของการเลือกจัดตั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ห่างไกลกรุงเทพ เพื่อช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ซึ่งการเลือกจังหวัดอุบลราชธานีนั้นเป็น เพราะจังหวัดมีพื้นที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 และมีจำนวนประชากรมากติด 1 ใน 3 ของประเทศ มีความเจริญด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งยังตั้งอยู่ติดชายเขตแดนของ 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศลาวและกัมพูชา ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพที่จะเชื่อมต่อให้นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสามารถเดินทางเข้ามาใช้รับการบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา กล่าวเสริมว่า ในประเทศมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเกือบ 100,000 รายต่อปี เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่จะพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งในระยะปลายแล้ว โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา เน้นการให้คำปรึกษาแบบเจาะลึกกับคนไข้แบบรายบุคคล ตามประเภทของโรคและอาการ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างใกล้ชิด ร่วมวางแผนการรักษาแบบผสมผสาน
ทั้งในแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน ทั้งยังพร้อมรองรับผู้ป่วยในการตรวจคัดกรอง ให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องโรคมะเร็งแบบครบวงจร จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้ข้อมูลกับผู้ป่วยเกี่ยวกับตัวเลือกในการรักษา และให้ผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่แห่งการฉายรังสีเร่งอนุภาค ด้วยเทคนิคชั้นสูง ได้แก่ 3 มิติ 4 มิติ รวมถึงรังสีศัลยกรรม การรักษามะเร็งด้วยความร้อน ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมพื้นที่ให้เคมีบำบัดที่เป็นส่วนตัว มองเห็นต้นไม้จากสวนหย่อมขนาดใหญ่แบบพาโนรามา สร้างบรรยากาศความผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติ ลดความตึงเครียด
อย่างไรก็ดีโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราทำงานภายใต้แนวคิด “NEW POSSIBILITY OF CANCER TREATMENT” ทุกโอกาสคือความเป็นไปได้ในการรักษาบนพื้นฐานของการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่มอบทางเลือกในการรักษาโดยพิจารณาจากโรคมะเร็งที่เป็น สภาพร่างกาย โดยแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีหรือแนวทางการรักษาในราคาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
ที่สำคัญคือได้ผลในการรักษา มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด โดยในปี 2564 ตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 70 % และมีแผนขยายบริการที่ครอบคลุมทั้งแต่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยการตรวจหามะเร็งด้วยวิธีการใหม่ ๆ รวมทั้งการให้บริการแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
ทั้งนี้ ในช่วงแรกมุ่งให้บริการผู้ป่วยในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังพร้อมรับผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป. ลาว และกัมพูชา เมื่อสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :