นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในรายการ THAN TALK ทางทีวีเนชั่น (24 พ.ค.2564) ตอนหนึ่งว่า ผลสำเร็จของการส่งออกไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัวอย่างโดดเด่นท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 มีผลจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยจากต่างประเทศ และ 2.ปัจจัยจากการบริหารจัดการในประเทศของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ในส่วนปัจจัยจากต่างประเทศ ผลจากเศรษฐกิจโลกเริ่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะเดียวกันเมื่อเจอโควิด ความต้องการในเรื่องของอาหารที่จะไปใช้บริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (work from home)ก็มีความต้องการมากขึ้น ทำให้ไทยส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น ส่วนปัจจัยจากภายในประเทศ มีส่วนสำคัญจากการบริหารจัดการ เมื่อตนได้เข้ามารับผิดชอบในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และดูแลการส่งออก ก็มีการกำหนดแผนงานตั้งแต่ต้นอย่างชัดเจน นำสู่ความสำเร็จในช่วงปีเศษที่ผ่านมา
สำหรับรูปธรรมปัจจัยภายใน หลังเข้ามารับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ได้เริ่มนับหนึ่งโดยการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพาณิชย์(กรอ.พาณิชย์) อย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ กรรมการประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ จัดตั้งขึ้นมาเป็นองค์กรที่ชัดเจน และมีการประชุมต่อเนื่องมาโดยลำดับ มีปัญหาอะไรที่ภาคเอกชนติดขัดเรื่องการส่งออก เรื่องภาคการผลิต การแปรรูปก็มาแก้ปัญหากันในนี้
“เราทำการบ้านอย่างชัดเจนว่าโจทย์มีกี่ข้อ ข้อหนึ่งถ้าเสร็จก็ตัดออก ข้อสองแก้จบก็ตัดออก เหลือข้อ 7 8 9 พอเดือนหน้ามีประชุมมีปัญหาเพิ่มเข้ามาก็ทำต่อ ซึ่งทุกคนต้องรับไปช่วยแก้ช่วยทำ ทำให้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว โดยเราจับมือทำงานร่วมกับเอกชนอย่างเข้มแข็ง และเป็นทางการ”
ต่อมาคือได้เข้ามาปรับองค์กรของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากการบริหารราชการส่วนกลางแล้ว มีสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมกองต่าง ๆ แล้ว ก็จะมีพาณิชย์จังหวัดในภูมิภาคทุกจังหวัด กับทูตพาณิชย์ทั่วโลก 50-60 ประเทศ ซึ่งตรงนี้ได้มาปรับบทให้พาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด หมายความว่าผลผลิตในจังหวัดนั้น ๆ กระทรวงพาณิชย์คือหัวเรือใหญ่ทางการตลาด และช่วยขายสินค้า โดยพาณิชย์จังหวัดจะทำงานร่วมเป็นทีมเซลล์แมนจังหวัด มีการลงนามชัดเจน มีพาณิชย์จังหวัดเป็นประธาน มีหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหหกรรมจังหวัด มีสภาเกษตรจังหวัด มีภาคส่วนต่าง ๆ เช่นท่องเที่ยว และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อรวมเป็นทีมเซลล์แมนจังหวัด แล้วขับเคลื่อนงานไปด้วยกัน ช่วยแก้ปัญหาสินค้าเกษตรในพื้นที่ล้นตลาด ขณะที่เซลล์แมนจังหวัดจะขายสินค้าไขว้จังหวัดกัน เช่น สินค้าที่เชียงใหม่ล้นตลาด และภาคอีสานขาด ก็ให้ภาคอีสานช่วยซื้อหรือหาคนช่วยรับซื้อ ภาคใต้ล้นตลาด ขอภาคกลางช่วยซื้อ เป็นต้น
ส่วนทีมเซลล์แมนประเทศที่มีรมว.พาณิชย์เป็นหัวหน้าทีม ก็จะมีทูตพาณิชย์ในต่างประเทศที่ต่อจากนี้ต้องปรับบทบาทจากการทำหน้าที่ทูตหรือผู้ช่วยทูต เพราะทูตตัวจริงมีแล้วคือทูตจากกระทรวงการต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทูตพาณิชย์ต้องทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนประเทศ นอกจากทำหน้าที่ช่วยเจรจากฎระเบียบต่าง ๆ กับประเทศคู่ค้า
จากการกำหนดแผนงานการส่งออกที่ชัดเจน ทำให้เวลานี้การส่งออกของไทยพ้นจุดจุดต่ำสุดแล้ว โดยมีจุดต่ำสุด เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ติดลบ 23% แต่พอเดือนกรกฎาคมปรับตัวดีขึ้นติดลบเหลือ -17% เดือนสิงหาคม -11% เดือนกันยายน -7% กราฟขึ้นเป็นรูปตัวยู พอมาเดือนธันวาคม ตัวเลขบวก และมาปีนี้ตัวเลขดีขึ้น โดยเดือนมีนาคมตัวเลขบวกถึง +8.47% และเดือนเมษายนที่จะประกาศ(ในวันที่ 25 พ.ค.) ตัวเลขบวก 13.09% เพราะฉะนั้นตัวเลขจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งไม่ใช่ฝีมือรัฐมนตนีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนเดียว แต่เพราะทีมเซลล์แมนจังหวัด ทีมเซล์แมนประเทศ และเพราะ กรอ.พาณิชย์ ที่มีการตั้งกลไกจับมือร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ช่วยกันแก้ไขปัญหาและผลักดันการส่งออกร่วมกันอย่างชัดเจนในเชิงรุก
“ตัวเลขส่งออกไทยแม้ปีที่แล้วแม้จะติดลบ แต่บางเดือนก็เริ่มดีขึ้น ซึ่งตัวเลขส่งออกเราปีหนึ่ง 7 ล้านล้านบาท ปีนี้สัญญาณบวก เดือนมกราคมตัวเลขบวก มีนาคมบวก 8.47% เมษายน +13% จากที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกทั้งปีนี้ไว้ที่ 4% เวลานี้ภาคการส่งออกถือเป็นความหวังและตัวจักรขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศในสถานการณ์นี้ รอจนท่องเที่ยวกลับมา(ฟื้นตัว)แล้วจะได้แรงบวกในอนาคต”
อย่างไรก็ดีทางกระทรวงยังไม่ปรับเป้าหมายการส่งออกจาก 4% เพราะเป้าก็คือตัวเลข แต่การทำงานเชิงรุกจะปรับตัวตลอดเวลา หลักก็คือต้องทำให้เกินเป้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยยังไม่จำเป็นต้องไปปรับตัวเลขส่งออกจาก 4% เป็น 5% เป็น 6% ให้สับสน ซึ่งก็ตั้งไว้ 4% เหมือนเดิม แต่วันนี้ตัวเลขเกิน 4% แล้ว แต่จะทำให้เกิน 4% ให้มากที่สุด เป็น 5 6 7 8 9 10% ยิ่งดี อันนี้คือเป้าที่อยู่ในใจ ซึ่งได้สั่งการเป็นนโยบายให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"จุรินทร์" ปลื้มยุทธศาสตร์ "ตลาดนำการผลิต" ดันส่งออกเม.ย.โตกว่า 13%
"จุรินทร์"เคาะ 4 มาตรการช่วย”พังงา-ภูเก็ต”เปิดเมือง
จุรินทร์เตรียม "แมตช์ชิ่ง" ธนาคาร-ร้านอาหาร ถกกู้ปลอดดอกเบี้ย
“จุรินทร์” ลั่นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องโหวตหนุนงบฯ ปี 65
“จุรินทร์”ดันส่งออก มองโกเลียตั้งเป้า3พันล.