นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจทีวี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังการปรับโฉมและคอนเซ็ปต์ใหม่ของรายการข่าว พร้อมปรับขยายเวลาเพิ่มรวมถึงการกลับมาของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พบว่าเรตติ้งรายการข่าวขยับสูงขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องเล่าเช้านี้และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ซึ่งการขยายเวลาดังกล่าวทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการโฆษณาด้วย โดยในเดือนพฤษภาคมมีอัตราการใช้เวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากไตรมาสแรกที่มีอัตราการใช้เวลาเฉลี่ย 60% ขณะที่ในปี 2563 มีอัตราการใช้เวลาโฆษณาราว 30%
“ช่วงพีคสุด รายการเรื่องเล่าเช้านี้เคยออกอากาศนาน 3 ชม. ก่อนที่จะปรับลดลงเรื่อยๆ จนเหลือ 1.55 ชม. ในปี 2563 แต่ในเดือนพ.ค. นี้ขยับเวลาเพิ่มขึ้นอีก 25 นาที ทำให้มีเวลาในการโฆษณาเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ที่พบว่ามีอัตราการใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 95% ทำให้บริษัทมีแผนปรับเรตค่าโฆษณาใหม่”
ปัจจุบันอัตราค่าโฆษณาของรายการข่าวเช่น เรื่องเล่าเช้านี้เฉลี่ย 2-2.2 แสนบาทต่อนาที พร้อมส่วนลดที่ปรับขึ้นลงตามสถานการณ์และเศรษฐกิจ เช่น 20-50% เป็นต้น โดยที่ผ่านมาจะเน้นการให้ส่วนลดเป็นหลัก นอกจากในส่วนของละครช่วงหัวค่ำหรือละครเย็น ที่พบว่า มีเรตติ้งสูงขึ้นจนครองอันดับ 1 และมีอัตราการใช้เวลาโฆษณาเต็ม 100% จากปัจจุบันที่มีอัตราค่าโฆษณาราว 3.6 แสนบาทต่อนาที อัตราส่วนลด 20-50% ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นเช่นกัน หรืออาจจะเป็นการให้ส่วนลดที่น้อยลงก็ได้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในไตรมาส 3 นี้
สำหรับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทจะมาจากละคร คิดเป็นสัดส่วน 60% ลดลงจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 65% ขณะที่รายการข่าว มีสัดส่วน 23% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 20% ขณะที่รายได้โดยรวมของบีอีซี เวิลด์ มาจาก ทีวี 80% ส่วนอีก 20% มาจากคอนเทนต์และดิจิทัล แพลตฟอร์ม โดยเดินหน้านโยบาย Digital Transformation ด้วยการเปิดตัว Ch3 Plus Premium เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่บีอีซี เวิลด์ คาดหวังที่จะต่อยอดและทำรายได้ให้แบบยั่งยืน ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบมัลติแพลตฟอร์ม ทั้งการทำซีรีส์ของตัวเอง ทั้งออริจินัล ซีรีส์, ลิมิเต็ด ซีรีส์, สตรีมมิ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ, การร่วมทุนผลิต รวมถึงการซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศเข้ามาผลิตเอง”
อย่างไรก็ดีแม้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในไตรมาส 1/2564 จะลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สื่อทีวี ติดลบ 5% แต่ผลงานของช่อง 3 โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจทีวียังมีการเติบโต 3-4% โดยในเดือนเมษายน มีรายได้จากการโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 30% ถือเป็นสัญญาณที่ดี และทำให้เชื่อมั่นว่าจะเริ่มกลับมามีกำไรในระยะยาวด้วย
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,685 วันที่ 6 - 9 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :