นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ๆ ของไทย เริ่มฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกระทรวงพาณิชย์มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนและทำอย่างเข้มข้นต่อเนื่องในรูป กรอ.พาณิชย์ ทำให้แก้ปัญหาอุปสรรคได้รวดเร็ว ทันท่วงที และยังได้มีการจัดทำแผนเชิงรุกร่วมกัน โดยมีเป้าหมายและรายละเอียดชัดเจนมาแต่ต้นปี
สำหรับแผนในระยะต่อไป จะยังคงดำเนินการภายใต้ กรอ.พาณิชย์ ประกอบด้วยการเร่งรัดเปิดตลาดใหม่ ให้มีผลในภาคปฏิบัติเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศที่แตกจากรัสเซีย กลุ่มเอเชียใต้ และแอฟริกา , การเร่งรัดการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยจะเร่งเปิดด่านที่มีอยู่ 97 ด่านให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เปิดแล้ว 45 ด่าน โดยเป้าระยะสั้น จะผลักดันเปิดเพิ่มอีก 11 ด่าน และในวันที่ 9-11 ก.ค.2564 จะเดินทางไปดูด่านชายแดนที่สปป.ลาว ที่จะผ่านทะลุเวียดนามไปจีน เช่น ด่านปากแซง ด้านท่าเทียบเรือมุกดาหาร นครพนม และหนองคาย
นอกจากนี้ จะเร่งส่งเสริมการส่งออกและการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดการส่งออก และหากสามารถดำเนินการในระบบออฟไลน์ได้ ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป เป็นการผสมผสานแบบไฮบริด , เร่งทำมินิเอฟทีเอกับเมืองเป้าหมาย ได้แก่ ไหหนาน จีน เตลังกานา อินเดีย คยองกี เกาหลีใต้ และโคฟุ ญี่ปุ่น ขณะนี้สัญญาณล่าสุดอาจจะสามารถลงนามกันได้ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.2564 โดยประมาณ และจะเร่งสร้างแม่ทัพการค้าและแม่ทัพส่งออกรุ่นใหม่ เพื่อเป็นอนาคตสำหรับการนำเงินเข้าประเทศ โดยจะเร่งปั้นเจนซีเป็นซีอีโอ ซึ่งปีนี้ดำเนินการได้ครบ 12,000 รายแน่นอน
สำหรับ การส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.2564 มีมูลค่า 23,057.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 41.59% เป็นการขยายตัวเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี การนำเข้ามีมูลค่า 22,261.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 63.54% เกินดุลการค้ามูลค่า 795.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกรวม 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 108,635.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.78% การนำเข้า มีมูลค่า 107,141.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.52% เกินดุลการค้ามูลค่า 1,494.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 4% แต่มั่นใจว่าจะขยายตัวมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการปรับเป้าส่งออก แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด และจับมือเอกชนทำงานใกล้ชิด ทั้งการแก้ไขปัญหาส่งออกและกิจกรรมส่งออก
ด้านนายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกไปกลุ่มตลาดหลัก ขยายตัว 39.9% โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัว44.9% จีนขยายตัว25.5% และญี่ปุ่น ขยายตัวดี 27.4 % ตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 54.9% และ CLMV ขยายตัว46.8% ส่วนตลาดอาเซียนกลับมาขยายตัว 51% ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกนั้นคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายประเทศเริ่มมีอัตราลดลงราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว เช่นยางพารา ผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สิ่งปรุงอาหาร อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่สดแช่เย็น-แช่แข็งและแปรรูป รถยนต์อุปกรณ์กับส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เป็นต้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และทีม กรอ.พณ.จะได้กำหนดวันประชุมหารือร่วมภาครัฐกับเอกชน หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากต้องเดินหน้าผลักดันการส่งออกโดยแก้ไขปัญหาตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งเร่งรัดการเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติมและผลักดันการลงนามความตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์ MRA ของอาเซียนตามนโยบายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง