นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 1 ก.ค.นี้ มีเป้าหมายในการฟื้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาด สิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัสคือ จะทำอย่างไรให้เปิดมาแล้วไม่ต้องกลับมาปิดอีก ต้องควบคุมไม่ให้เกิด การติดเชื้อโควิดรายใหม่ ในพื้นที่เกิน 90 คนต่อสัปดาห์ ทำให้จังหวัดภูเก็ตต้องมีการยกระดับ มาตรการคัดกรองคนเข้าพื้นที่ ที่เข้มข้นมาก
"การเดินทางทางอากาศไม่น่าห่วง เพราะการจะเข้ามาได้นั้น ต้องได้รับหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย หรือ COE แล้ว จากต้นทาง ส่วนการเดินทางเข้าทางน้ำยังไม่ได้ จุดแตกหักที่เราเป็นห่วงอยู่ที่ด่านทางบก คือด่านท่าฉัตรชัย ที่ปกติมีรถเข้ามาร่วมหมื่นคันต่อวัน" ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าว
ภูเก็ต มีการยกระดับด่านท่าฉัตรชัยให้เหมือนกับจุดตรวจระหว่างประเทศ มีทั้งฝ่ายความมั่นคง แพทย์ ตม.คัดกรองเข้มงวด และได้พัฒนาต่อยอดแอพพลิเคชั่นหมอชนะมาใช้ด้วย คนที่จะเข้า-ออกภูเก็ตต้องเป็นคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือมีผลตรวจ PCR-TEST เป็นลบ ส่วนการให้บริการนักท่องเที่ยวต้องอยู่ภายใต้แนวทางปฏิบัติหรือ SOP ทุกอย่าง รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านสาธารณสุข เพราะการเปิดครั้งนี้ ไม่ต้องการให้มีความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวจะนำเชื้อเข้ามาแพร่ในพื้นที่เช่นกัน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ปรับคาดการณ์นักท่องเที่ยวภายใต้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ใหม่ โดยคาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกจะมีนักท่องเที่ยว 1 แสนคน สร้างรายได้ราว 8.9 พันล้านบาท ซึ่งปรับลดจากที่ประเมินก่อนหน้า เนื่องจากมีการกำหนดให้พักในภูเก็ตไม่เกิน 14 วัน จากเดิมวางไว้ 7 วัน จึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวที่ไหนในไทยก็ได้
แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่า 14 วันก็ต้องเดินทางกลับประเทศ โดยจากยอดการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมในขณะนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 400-500 คนหรือราว 1.2-1.5 หมื่นคนต่อเดือน จำนวนบุ๊กกิ้งเข้ามาแล้วในช่วง 15 วันมี 1,101 บุ๊กกิ้ง รวมห้องพักที่จอง 13,116 คืน ทั้งๆที่ราชกิจจานุเบกษาหรือ COE อาจจะออกล่าช้าไปบ้าง แต่หลังจากทุกอย่างลงตัวก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ก.ค.มี 4 สายการบินที่จะบินเข้ามา คือ
นักท่องเที่ยวส่วนเป็นยุโรป อเมริกา อิสราเอลที่ไปต่อเครื่องบินผ่านสายการบินดังกล่าว และตลอดทั้งเดือนก.ค.อยู่ที่ราว 12 สายการบินจากต่างประเทศ
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า แม้การเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะเต็มไปด้วยความฉุกละหุก ทั้งจากการออกราชกิจจานุเบกษาที่ล่าช้า หรือกระบวนการออก COE รวมถึงเงื่อนไขของระบบการทำงานที่มีโจทย์ใหม่เพิ่มเข้ามา อาทิ การให้โรงแรมเป็นผู้เก็บค่าใช้จ่ายการตรวจ PCR-TEST ของนักท่องเที่ยวล่วงหน้า 3 ครั้ง ราว 8 พันบาท ซึ่งโรงแรมก็ต้องทำหนังสือถามกรมสรรพากรว่าเป็นรายได้หรือไม่เพราะเรื่องของการจ่ายภาษี แต่ทุกฝ่ายก็ทำเต็มที่
วันนี้ภูเก็ตมีโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA PLUS ที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ราว 300 แห่งทั้งรายเล็กและใหญ่ เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว เพราะที่เปิดอยู่คิดเป็น10% รองรับได้1.5-2หมื่นห้อง แต่ในช่วง 3 เดือนนักท่องเที่ยวราว1แสนคนใช้ห้องพักก็ไม่เกิน4 พันห้องต่อวัน แต่ในช่วงไตรมาส4 คือตั้งแต่1ต.ค.ไปคาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นและโรงแรมน่าจะกลับมาเปิดให้บริการเพิ่มได้20-30%
ส่วนยอดจองผ่านระบบ SHABA ขณะนี้อยู่ที่ 2 พันบุ๊กกิ้ง รวมกว่า 2.5หมื่นรูมไนท์ โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าภูเก็ตต้องจองที่พักซึ่งผ่านมาตรฐาน SHA PLUS และจ่ายเงินล่วงหน้าเข้ามาก่อน ตอนแรกเราคิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูงเข้าพักโรงแรมระดับ 5ดาวเข้ามาก่อน แม้อาจจะยังจองไม่สูงแต่เมื่อดูจากยอดจองที่พักพบว่ามีการจองโรงแรมในทุกระดับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ยอดจองส่วนใหญ่พักตั้งแต่โรงแรมระดับ 1 พันบาทต่อคืนมากสุด แถวย่านป่าตองมากที่สุด โรงแรมขนาดกลาง1-2.5 พันบาทต่อคืน โรงแรม5ดาว 4-5 พันบาทต่อคืน ไล่ไปถึงโรงแรมระดับลักชัวรีคืนละ 5พัน-1หมื่นบาทต่อคืนขึ้นไป
ทั้งเมื่อดูจากยอดจองก็พบว่ามีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่ฉีดวัคซีนแล้วต้องการเดินทางกลับประเทศ ที่เชื่อว่ามีแผนจะกลับประเทศอยู่แล้วและเลือกมาเข้าภูเก็ต เพราะไม่ต้องกักตัว ซึ่งในช่วง 7 คืนแรกนักท่องเที่ยวต้องพักในโรงแรมแห่งเดียว ถ้าอยู่ครบ 14 วันจะย้ายได้รวม 3 โรงแรม และแต่ละโรงแรมต้องมี SHA MANAGER เพื่อดูแลมาตรการตาม SOP ที่กำหนดด้วย
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนำร่องที่ภูเก็ต หากใน 1 เดือนนี้ ภูเก็ตทำได้สำเร็จ ก็จะทำให้ในอีก 9 จังหวัดที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นพังงา กระบี่ สมุย เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพ ชะอำ หัวหิน บุรีรัมย์ สามารถเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ เพราะในอีก 6 เดือนนี้ธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 74% จะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว การตกงานในไตรมาส 2 ก็มีมากถึง 2 ล้านคน
แต่เมื่อนายกฯมีนโยบายเปิดประเทศก็ทำให้พื้นที่นำร่องในการเปิดประเทศเริ่มมองที่จะทยอยกลับมาจ้างงานและเปิดดำเนินธุรกิจ แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และทางสทท.ก็ร่วมมือกับสสว.เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กนำร่องที่ภูเก็ตในการฝึกอบรมและรีสตาร์ทธุรกิจที่จะเกิดขึ้น
นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ประเมินว่าการเปิดนำ 10 จังหวัดนำร่องนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ มั่นใจว่าภายในเดือนก.ย.นี้ จีนจะฉีดวัคซีนได้ 2,200 ล้านโดส ขณะที่มีประชากร 1,400 คนเมื่อฉีดวัคซีนเสร็จ ก็น่าจะทำให้มีการปล่อยนักท่องเที่ยวออกมาเที่ยวได้ ซึ่งได้วางไว้ 4 สมมติฐาน โดยคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาตั้งแต่ 1-3 ล้านคน สร้างรายได้ราว 8.3 หมื่น-2.12 แสนล้านบาท โดยจะมีเข้ามามากหากจีนสามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,692 วันที่ 1 - 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2564