รายงานข่าวจากกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” และ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ระบุว่า
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนและการดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วน นับเป็นความท้าทายที่ทำให้ต้องเร่งปรับตัวให้ตอบรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างรวดเร็ว
สยามพิวรรธน์ จึงร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จัดสัมมนาในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนให้ความรู้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ของแนวโน้มเศรษฐกิจ และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจและนำเสนอ ได้แก่
ประเด็นที่ 1 ทิศทางของเศรษฐกิจไทยกับการรับมือปัญหาการเงินในระยะสั้น
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง ฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจ และครัวเรือนมีความเปราะบาง ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานเป็นวงกว้าง ภาครัฐจึงได้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม
เพื่อแก้ปัญหาทางการเงินให้กับผู้ประกอบการสามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ อาทิ มาตรการสินเชื่อ Soft Loan เพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราว หรือ การจัดทำนโยบายการกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ อาทิ การปรุงโครงสร้างหนี้
การพักชำระหนี้ในกรณีที่ยังประเมิน Cash Flow ไม่ได้ โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ และ การขยายมาตรการชะลอการชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ SMEs จากที่ครบกำหนดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 เพื่อช่วยเหลือธุรกิจได้รับผลกระทบและยังไม่สามารถชำระหนี้ได้
ประเด็นที่ 2 การเตรียมพร้อมรับมือ Mega Trends ปรับรูปแบบธุรกิจสู่เทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด เกิดเป็น Mega Trends ที่จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจ และรูปแบบธุรกิจในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น กระแสสังคมผู้สูงอายุ กระแสดิจิทัล กระแสรักสุขภาพ หรือกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ดังนั้นในส่วนของภาคธุรกิจ การเตรียมความพร้อมรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เริ่มจากการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อหาจุดแข็งของธุรกิจ และหาแนวทางการปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของกระแสในโลกใหม่ เช่น ในภาคอุตสาหกรรม กับกระแส Food for the Future เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารทางแพทย์
กระแส Bio Circular & Green Economy การผลิตและการใช้พลังงานชีวภาพ รวมถึงพลังงานหมุนเวียนอื่น กระแส Digitalization ผลิตภัณฑ์ Internet of Things และในส่วนภาคการท่องเที่ยว กับกระแสกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness
กระแสกลุ่มนักท่องเที่ยว Work from Anywhere และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เดิม หรือหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต
ประเด็นที่ 3 ผนึกกำลังความช่วยเหลือ ปลดล็อคธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการ
ผลกระทบอย่างหนักที่หลายผู้ประกอบการ SMEs จะต้องเผชิญในช่วงระยะสั้น คือ ขาดสภาพคล่องทางการเงินที่อาจจะทำให้ธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้ ยังต้องเผชิญกับอีกความท้าทายข้างหน้าเพราะ ไม่รู้ว่าวิกฤตนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร กว่าจะฟื้นตัวต้องใช้ระยะเวลานาน
ดังนั้น สยามพิวรรธน์ จึงได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คู่ค้าและพันธมิตรของเราให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย ได้ออกมาตรการสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีก ได้แก่
1. มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ที่มีจุดเด่นคือ การคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2% ใน 2 ปีแรก ผ่อนสูงสุดนาน 10 ปี พร้อมพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก และค้ำประกันโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สูงสุด 10 ปี
2. มาตรการสินเชื่อ SME Smart shop สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน หรือเครื่อง EDC ธนาคารกรุงไทย โดยมีจุดเด่นคือ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถกู้สูงสุดได้ 2 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% (6 เดือนแรก)
3. มาตรการสินเชื่อท่องเที่ยว และ ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีแรก 4% ผ่อนนาน 10 ปี หากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท (บสย.ค้ำประกัน) และ ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. สำหรับ 2 ปีแรก
4. มาตรการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อ (Buyer O/D) ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ วงเงินสูง หลักประกันน้อย
5. บริการโอน รับ จ่าย ไม่อั้น
ด้วย Cash Management Package เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs คู่ค้าของสยามพิวรรธน์ ลดต้นทุนธุรกรรมทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยภาครัฐยังได้มีการจัด โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ให้เงินคืนแก่ผู้บริโภคสูงสุด 7,000 บาท ในรูปแบบ e-Voucher เมื่อใช้จ่าย 40,000 บาทแรกจะได้เงินคืน 10% และยอดใช้จ่ายระหว่าง 40,001 – 60,000 บาท จะได้เงินคืน 15% (สามารถสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา)
ประเด็นที่ 4 จับมือพันธมิตรทั่วโลกนำแบรนด์ไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ
แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังคงมีอยู่ทั่วโลก แต่ในหลายประเทศที่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงเริ่มมีสถานการณ์ที่คลี่คลายลง และมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงทำให้การส่งออกของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สยามพิวรรธน์ ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจของคู่ค้า เราจึงได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศเพื่อนำสินค้า SMEs ของไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชมไปขายในแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีศักยภาพ ผ่านคอนเซ็ปต์สโตร์ชั้นนำภายใต้การบริหารของสยามพิวรรธน์ ได้แก่
ร้านไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและแหล่งรวมผลงานของช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด พร้อมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดและนำเสนองานหัตถศิลป์ในมุมมองใหม่ที่ใหญ่ที่สุดกว่า 800 แบรนด์ ลงบนงานหัตถศิลป์และนวัตศิลป์ของไทย
ร้านแอ็บโซลูทสยาม (Absolute Siam Store) ที่นำเสนอสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และของที่ระลึก ในสไตล์ครีเอทีฟป๊อปคัลเจอร์ จากดีไซเนอร์และนักออกแบบไทยชั้นนำ กว่า 150 แบรนด์ ร้านอีโค่โทเปีย (Ecotopia) ที่นำเสนอสินค้ารักษ์โลกคิดค้นโดยคนไทย ที่ตรงกระแสใส่ใจสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีแผนที่จะนำไปวางจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ที่ประเทศจีน มาเลเซีย เวียดนาม และอีกหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีกำลังซื้อสูง
ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ หากทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจประคับประคองช่วยเหลือกัน เตรียมพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และร่วมกันแก้ไขปัญหาให้สำเร็จเพื่อให้ประเทศไทยกลับไปครองใจคนทั่วโลกอีกครั้ง