ท่ามกลางพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและเทคโนโลยี รวมถึงการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการเลือกใช้สื่อเพื่อสื่อสารแคมเปญไปยังผู้บริโภคของผู้ประกอบการมีความท้าทายอย่างมีนัยสำคัญ
ดร. สร เกียรติคณารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินิชิเอทีฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง แพลนการใช้สื่อของผู้ประกอบการยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่อย่างไรก็ตามมีการเว้นระยะการทำแคมเปญ เมื่อมีเหตุการณ์ วิกฤติ ต่างๆ ในฐานะมีเดีย เอเจนซี่ จะต้องประเมิณจังหวะเวลาที่จะกลับมาทำแคมเปญต่างๆในไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ให้กับลูกค้าเร็วที่สุด เมื่อเห็นสัญญาณบวก
ซึ่ง อินิชิเอทีฟ ได้เรียนรู้จากปีที่ผ่ามา ซึ่งพบว่าลูกค้าที่ ลงทุน ถูกจังหวะและ ใช้เงินน้อยกว่าคู่แข่งมักจะประสบความสำเร็จ อินิชิเอทีฟจะทำการเปรียบเทียบ ดัชนีระหว่าง ส่วนแบ่งตลาด กับ Share of Voice ของ Media เพื่อให้ลูกค้าสามารถสื่อสารได้ถูกเวลาโดยใช้งบน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตามในมุมของการทำแคมเปญต่างๆ Activation event ยังไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอนในปีนี้ แต่เครื่องมือที่ทรงพลังในการสื่อสารการตลาดหรือแคมเปญต่างๆจะอยู่ที่การทำโซเชียลแมเนจเมนท์และอินฟลูเอนเซอร์ ต่างๆ ซึ่งอินิชิเอทีฟ สตูดิโอได้เสริมทีมเข้าไปในส่วนทีมโปรดักชั่นและครีเอทัฟจำนวนมาก เมื่อทีมโปรดักชั่นทำงานไม่ทัน ทีมครีเอทีฟจะเข้ามาช่วยคิดเพื่อให้การสื่อสารผ่านอินฟลูเอนเซอร์เป็นไปตามแพลน โดยการที่คำพูด วิธีการสื่อสารไม่หลุดจากแบรนด์ และเมื่อถึงเวลาที่แบรนด์พร้อมทำ แคมเปญใหญ่ อินิชิเอทีฟ สามารถดึงแพลนActivation event กลับมาได้ทันทีเช่นกัน
“การอัดแคมเปญของแบรนด์ต่างๆตอนนี้รอเวลาที่เหมาะสมพร้อมเมื่อไหร่อัดเลย เพราะทุกคนรออยู่แล้ว ที่น่าจะชัดเจนก็คือ ของขวัญปีใหม่ ช่วงเคาน์ดาวน์ แบรนด์น่าจะลงแคมเปญเต็มที่แน่ๆ เพราะถึงตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ทุกคนมั่นใจมากๆ แต่ถ้าเวลาที่เหมาะสมมาถึงมาก่อนปลายไตรมาส 4 ทุกแบรนด์ก็พร้อมทุมตลาดทันทีเช่นกัน”
นอกจากนี้ ดร. สร ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง ความท้าทายในการเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินิชิเอทีฟ ประเทศไทย ว่าเป้าหมายหลักหลังจากที่ก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริหารคนใหม่ การสร้างการเติบโตเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างแน่นอน เมื่อบริษัทเติบโต พนักงานก็จะเติบโตตามไปด้วย หากธุรกิจนิ่งก็สามารถไม่เดินไปข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน ต้องมองในเรื่องคุณภาพมากกว่า โจทย์ของอินิชิเอทีฟ คือการเติบโตด้วยงานที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นเรื่องของ Cultural Velocity จุดยืนของเรา ทำยังไงให้เราสร้างสิ่งใหม่ๆให้กับ ตลาดได้ มีโซลูชั่นใหม่ๆให้กับลูกค้า และก็พัฒนาการเดินไปข้างหน้าไปด้วยกัน
เราไม่ได้วางตัวเองว่าต้องใหญ่ที่สุด ต้องเยอะที่สุด แต่ทำยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่า โจทย์นี้คิดไม่ออก ต้องมาหาที่นี่เท่านั้น ที่นี่เป็นที่เดียวที่สามารถช่วยเราได้ เป็นเรื่องของ quality เป็นเรื่องของการชาเลนจ์ไปข้างหน้านั่นคือทำยังไงให้ลูกค้าแฮปปี้ อีกจุดนึงที่สำคัญกว่าและก็เป็นจุดยืน คือ ทำให้พนักงานหรือทีมงานของเรา มีความสุขในการทำงาน เพราะพี่เชื่อตลอดว่าถ้าน้องๆแฮปปี้ งานก็จะดี ลูกค้าก็จะมีความสุข แต่ถ้าน้องๆเครียด ทุกอย่างก็จะนัวไปหมด ไม่ค่อยดี มีปัญหาอะไรพี่ลงไปช่วยแก้ จะได้สมูทไป มอง 2 เรื่องนี้เป็นหลัก”