นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ผู้พัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพภายใต้แบรนด์ Rojukiss, Best Korea, และSis2Sis เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้มุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่าน บริษัท โอทู คิส จำกัด (O2 KISS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท โอช้อปปิ้ง จำกัด ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GMM เน้นนำเสนอนวัตกรรมผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลาย ภายใต้แบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว รุกขยายตลาด Media Commerce อย่างเต็มรูปแบบ ทุกแพลทฟอร์มสื่อที่ร่วมมือกับพันธมิตร
พร้อมขยายในทุกช่องทางการขายทั่วประเทศทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ ที่บริษัทฯ คาดการณ์ว่าน่าจะค่อยๆ สดใสขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2564 และ ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ KISS ที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและการขยายตลาดในต่างประเทศ จะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ตามที่ตั้งใจไว้
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เมษายน – มิถุนายน) แม้ว่าตลาดจะต้องเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ด้วยจุดแข็งของ KISS ที่มีแบรนด์พอร์ตโฟลิโอแข็งแกร่ง ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 206.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากแผนการดำเนินงานที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ออกใหม่ ได้แก่ แป้งผสมรองพื้น Sis2Sis Hya Matte Foundation Powder และผลิตภัณฑ์เขียนคิ้ว Sis2Sis Eyebrow Pencil สามารถเติบโตได้ 25.4% ถึงแม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องสวมหน้ากากอนามัยก็ตาม
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 85% นำโดยแบรนด์หลักอย่าง Rojukiss ยังคงเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องตั้งแต่การระบาดระลอกแรก แสดงให้เห็นฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและนวัตกรรมสินค้าใหม่ที่เพิ่มฐานลูกค้าให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ที่ไม่เฉพาะในประเทศไทย โดยยอดขายของแบรนด์ Rojukiss ในประเทศอินโดนีเซียที่เติบโตมีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับแผนบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีกำไรสุทธิ 32.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.055 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 33,000,000 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2564 นี้