วันนี้(29สิงหาคม2564)นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)หรือ CAAT ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.ให้ยกเลิก
(1)ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 3) ประกาศ ณ วันที่ 18กรกฎาคม พ.ศ.2564
(2)ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 4) ประกาศ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2564
2. ประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) โดยให้ประกาศนี้ให้ใช้บังคับแก่เที่ยวบินภายในประเทศ (Domestic Flight) ที่ให้บริการผู้โดยสาร (Passenger Flight) เท่านั้น ทั้งนี้ไม่รวมถึงเที่ยวบินของอากาศยานส่วนบุคคล
3. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารออกจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) เว้นแต่เป็นเที่ยวบินดังต่อไปนี้
(1) เป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) หรือ
(2) เป็นเที่ยวบินที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency Landing) หรือขอลงทางเทคนิค (TechnicalLanding) โดยไม่มีผู้โดยสารลงจากเครื่อง หรือ
(3) เป็นเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่มีความจำเป็นโดยผู้โดยสารนั้นจะต้องดำเนินการตามเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกของจังหวัดจุดหมายปลายทาง โดยมีเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนครบเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ และ/หรือมีเอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) หรือเอกสารที่แสดงถึงการเป็นผู้ได้รับการยกเว้นตามมาตรการอื่นของจังหวัดจุดหมายปลายทาง เช่น มีเอกสารรับรองว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อมาไม่เกิน 90 วัน หรือ มีเอกสารรับรอง
4.ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการผู้โดยสารในห้วงเวลานี้ ปฏิบัติดังนี้ (ทั้งนี้ ไม่รวมเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) ตาม ข้อ 3 (1)
หากเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ผู้โดยสารอาจถูกปฏิเสธการเดินทางได้ โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกและมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ที่ https://www.moicovid.com/
5. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้บุคลากรด่านหน้าที่ให้บริการผู้โดยสารได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 ทุกสัปดาห์
6. ก่อนเข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature Screening) ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด (Non-contact Infrared Thermometer) หากบุคคลนั้นไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการ ระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบให้ปฏิเสธการให้เข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน
7. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินควบคุมการดำเนินการตามมาตรฐานสาธารสุข เช่นการเว้นระยะห่างการจัดแอลกอร์ฮอลเจลให้ผู้โดยสารล้างก่อนขึ้นอากาศยาน ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างต่อเนื่อง และให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตร์การสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามให้ผู้ใช้บริการออกจาพื้นที่
8.กำหนดให้รถลำเลียงผู้โดยสารไป-กลับระหว่างอาคารผู้โดยสารและอากาศยาน (Shuttle bus)สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 50 คน ต่อคัน โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ทั้งนี้ให้ทำความสะอาดพื้นผิวและอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ
9.ให้ผู้ดำเนินการสายการบินเก็บข้อมูลผู้โดยสารไว้อย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้สามารถบ่งชี้ถึงผู้โดยสารที่อาจเป็นผู้สัมผัสเสียงสูง รวมถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการติดต่อ และให้นำส่งข้อมูลตามที่หน่วยงาน
10.ให้ผู้ดำเนินการสนามบินติดตามดูแลให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ทำอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)(ศบค.) โดยเคร่งครัด
11. ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบินและการรวมเที่ยวบิน ให้มีการแจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสม ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางบินประจำภายในประเทศ พ.ศ.2553
12. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งเตือนผู้โดยสารกรณีเป็นผู้ป่วยยืนยันหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้งดการเดินทาง หากผ่าฝืนอาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
13. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามดูแลให้ประชาชนผู้มาใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการในระเบียบสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564
14. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดเตรียมเอกสารรับรองความจำเป็นให้กับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะในสังกัดของตนซึ่งได้รับยกเว้นเพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไปหรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม
สาระสำคัญของประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) คือการผ่อนคลายให้สายการบินกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศได้ทุก เส้นทาง รวมถึงจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
โดยจะอนุญาตให้สายการบินเปิดขายตั๋วโดยสารได้ 75% ของ Capacity เป็นเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่มีความจำเป็น โดยให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารหลักฐานสำคัญของผู้โดยสารดังนี้ ใน 3 ข้อหลัก ได้แก่
สำหรับเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีน ให้แสดงผลการฉีดวัคซีนที่ได้รับจากโรงพยาบาลหรืออาจใช้หลักฐานจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนผู้ที่ต้องการตรวจหาการติดเชื้อ สามารถค้นหาสถานที่ตรวจได้จากเว็บไซต์ https://service.dmsc.moph.go.th/labscovid19/ ซึ่งจะมีรายชื่อห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองและสามารถออกเอกสารที่สายการบินยอมรับ ซึ่งปัจจุบันสมาคมสายการบินกำลังดำเนินการร่วมกับผู้จัดทำแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้สามารถแสดงหลักฐานการดำเนินการทั้งหมดบนแอปพลิเคชัน หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะสามารถนำมาใช้ประกอบการเดินทางได้
กรณีใช้รถบัสบริการส่งผู้โดยสารจาก อาคารไปยัง -เครื่อง - มายังอาคาร ให้บรรทุกได้ไม่เกิน 50%งดจำหน่วยอาหารเครื่องดื่มบนเครื่อง ( ให้สามารถขาย Onlineได้ และรับอาหารกลับไปทานที่บ้านได้ ) รวมถึงให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศทำการประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการเข้า/ออกของจังหวัดปลายทาง รวมถึงการแจ้งความจำเป็นในการเดินทางผ่านเว็บไซต์ https://covid-19.in.th/ก่อนการเดินทาง
นอกจากนี้กพท.ยังหารือกับสายการบินเพื่อให้ทัมีข้อปฏิบัติดังนี้ พนักงาน นักบิน ลูกเรือ จะต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และมีผลตรวจ ATK ซึ่งในช่วงแรกเดือน กันยายน64 จะเป็นการขอความร่วมมือและในเดือนตุลาคม 64 จะเข้มงวดและประกาศใช้ 100% อีกทั้งมาตรการต่างๆจะมีการประเมินเพื่อปรับมาตรการ ปฏิบัติอีกครั้งในเดือนตุลาคม