‘FPT’ ชูกลยุทธ์ Employee Engagement นำองค์กรฝ่าวิกฤติ แบบไม่บอบชํ้า

18 ก.ย. 2564 | 02:07 น.

ในยุคที่โลกของการทำงานเปลี่ยนแปลง Work Form Home (WFH) หรือ Remote Working พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ กลายเป็น New Normal หากแต่รูปแบบการทำงานเหล่านี้ อาจะไม่ตอบโจทย์การทำงานบางประเภท หรือสนองต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

ด้วยเหตุนี้ “วู้ดดี้-ธนพล ศิริธนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT จึงพยายามสร้าง Employee Engagement ด้วยรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร ตลอดจนการให้ความร่วมมือกับองค์กรในทุกๆ ด้านอย่างสมัครใจและเต็มใจ

“วู้ดดี้” เล่าว่า จากการควบรวมธุรกิจระหว่างกลุ่มโกลเด้นแลนด์ ซึ่งดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและบริหารจัดการโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า (Ready-Built Factory) และอาคารคลังสินค้าให้เช่า (Ready-Built Warehouse) ในบริเวณพื้นที่อุตสาหกรรมทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม เข้ามาเป็น เฟรเซอร์ส พร๊อพเพอร์ตี้ฯ ทุกอย่างดำเนินการได้อย่างเรียบร้อย โครงสร้างองค์กรเริ่มเข้าที่ ระบบหลังบ้านทำเสร็จไปแล้วกว่า 95% ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี การเงิน ไอที เอชอาร์ และอื่นๆ
‘FPT’ ชูกลยุทธ์ Employee Engagement  นำองค์กรฝ่าวิกฤติ แบบไม่บอบชํ้า

ส่วนสำคัญคือ วัฒนธรรมองค์กร ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี มีการย้ายออฟฟิศไปที่ตึกสามย่านมิตรทาวน์ ได้เกือบ 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับวิกฤติโควิด -19 ที่แพร่ระบาด ทำให้หลายอย่างต้องสะดุด โดยเฉพาะการหลอมรวมวัฒนธรรมองค์กร ที่ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อพนักงานต้อง WFH ก็ยิ่งทำให้การทำความรู้จัก หรือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ขาดช่วงไปบ้าง 

ผู้บริหาร FPT ยอมรับว่า การควบรวมบุคลากรที่มาจากต่างธุรกิจ ต่างวัฒนธรรม มีปัญหาบ้าง แต่ด้วยการที่ทั้ง 2 องค์กรเดิม มีผู้ถือหุ้นคนเดียวกััน คือ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ที่สิงคโปร์ ทำให้นโยบายโดยภาพรวมสามารถเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันด้วยความเข้าใจ ในขณะที่การปรับโครงสร้างภายใน ก็มีการปรับฐานให้เข้ามาอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้กลยุทธ์ “One Platform” คือ การสร้างแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร 
‘FPT’ ชูกลยุทธ์ Employee Engagement  นำองค์กรฝ่าวิกฤติ แบบไม่บอบชํ้า

ส่วนของพนักงาน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีเป้าหมายของบริษัทแม่เป็นแกน คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้พนักงาน ทำให้เกิดการบูรณาการวัฒนธรรม ผ่านการ Collaboration, ความก้าวหน้าในการทำงาน, Proactive การทำงานในเชิงรุก และ การเคารพซึ่งกันและกัน เราเอาแกนตรงนี้เป็นตัวจับ
‘FPT’ ชูกลยุทธ์ Employee Engagement  นำองค์กรฝ่าวิกฤติ แบบไม่บอบชํ้า

ในแง่ของธุรกิจ “วู้ดดี้” กล่าวว่า ธุรกิจยังมีความแข็งแกร่ง มีรายได้ มีกำไร ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า จะสร้างความมั่นใจให้พนักงานเราอย่างไร ว่าธุรกิจเรารอดแน่ๆ  และเราไม่มีนโยบายในการลดพนักงาน หรือตัดเงินเดือน ในขณะที่ทุกคนต้องปรับตัวเองให้มีประสิทธิภาพ (efficient) มากขึ้น ปรับการทำงานให้ทำที่ไหนก็ได้ ต้องสปีดอัพ 
 

“การทำงานช่วงวิกฤติ เราจะเอ็นเกจคนอย่างไร ให้เขาไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และจะบริหารจัดการอย่างไร ให้งานเดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ” 
 

FPT ให้ความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. Health and Wellness บริษัท ดูแลเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน ซึ่ง
ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วราว 97% และมีกิจกรรมการออกกำลังกาย การจัดคลาสเต้นซุมบ้า และส่ง Health Kit ให้พนักงาน รวมทั้ง Covid Hotline ให้คำปรึกษา และดูแลเรื่องของความปลอดภัย และสุขภาพให้พนักงาน 

2. การจัด Training - Learning แบบออนไลน์ เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาทักษะ ด้วยการจัดผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขามาให้ความรู้ รวมทั้งยังเปิดให้พนักงานร่วมสัมมนาภายในองค์กรกับคอร์สเทรนนิ่งของบริษัทแม่ ที่มีทั้งเรื่องของ Design Thinking, ESG, และ 3. การพัฒนาจิตใจ สร้าง Happiness เพื่อให้พนักงานคลายเครียดจากการทำงานที่บ้าน  
 

“วู้ดดี้” บอกว่า เวลานี้ ผู้บริหาร ผู้นำองค์กร หรือฝ่ายเอชอาร์ ควรต้องให้ความสำคัญและมีความสนใจกับพนักงานที่ทำงานที่บ้าน จากเริ่มแรกหลายๆ คนอาจชอบที่ได้ทำงานอยู่กับบ้าน แต่ตอนนี้หลาย คนเกิดความเครียด ด้วยปัจจัยที่ไม่พร้อม เช่น ต้องเรียนออนไลน์กับลูก ต้องดูแลบ้าน ห้องทำงานเป็นสัดส่วนไม่มี และบางคนอาจต้องทำงานหนักกว่าทำงานอยู่กับออฟฟิศปกติ 
‘FPT’ ชูกลยุทธ์ Employee Engagement  นำองค์กรฝ่าวิกฤติ แบบไม่บอบชํ้า

ทั้งหมดนี้ความท้าทายของผู้บริหารในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด -19 “แม่ทัพ FPT” บอกว่า จะทำอย่างไร ให้สามารถนำพาองค์กรและทีมงานฝ่าวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไม่บอบช้ำ และสิ่งที่เขาพยายามทำอย่างมากคือ “การสื่อสาร” ที่ต้องทำให้มากขึ้น เพื่อสร้างให้เกิด Engagement 
 

ส่วนอนาคต รูปแบบการทำงาน อาจจะต้องทำแบบ Combination Hybrid ทั้งการทำงานออฟฟิศ ซึ่งยืนยันว่า ออฟฟิศยังเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร แต่ก็สามารถทำควบคู่กับการทำงานนอกสถานที่ เป็นการผสมผสานโดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อ ทำให้ไม่เกิดช่องว่างของการทำงาน และได้ประสิทธิภาพงานเต็มที่


หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,714 วันที่ 16 - 18 กันยายน พ.ศ. 2564