นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ เปิดเผยว่า บริษัทพัฒนา Business Model ใหม่ โดยวางเป้าหมายใน 3 ปี ด้วยงบการตลาด 1,000 ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เน้นการสร้างจุดต่างและจุดแข็งของการเป็นศูนย์การค้าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1: ENABLE to scale up your business จากทราฟฟิกลูกค้ามากมายมหาศาล การทำธุรกิจให้มีความยั่งยืน การทำ Brand Experience และการมีหน้าร้านยังคงมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อการสร้างแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งจะเห็นได้จากเทรนด์ค้าปลีกและ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ระดับโลก
ที่ขยายจากออนไลน์มาสู่ออฟไลน์เพื่อมอบประสบการณ์จริง ที่ยากจะสัมผัสได้ทางออนไลน์อย่างเดียวให้กับลูกค้า ซึ่งจุดแข็งของการมีศูนย์การค้าทั่วประเทศของเรา ประกอบกับความแข็งแกร่งของ Anchor ต่างๆ ที่เป็น magnet ของกลุ่มเซ็นทรัล จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของพันธมิตร ได้แก่
Success Formula จับเทรนด์ Urbanization ด้วยการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Fully-Integrated Mixed-Use Development ขยายและบุกเมืองเศรษฐกิจต่างๆ จากความเชี่ยวชาญในการผสานทุกองค์ประกอบทั้งศูนย์การค้า โรงแรม คอนเวนชั่นฮอลล์ ที่พักอาศัย ให้ส่งเสริมซึ่งกันและกันเกิดเป็น Quality Traffic Ecosystem
โดยการสร้าง Residential Projects ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้าของเรานั้น ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในอีก 3 ปี (ปี 2567) จำนวนโครงการและจำนวนลูกบ้านในโครงการของเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งจะเป็น Regular Traffic ที่จะเพิ่มขึ้นจากทราฟฟิกปกติของศูนย์การค้าที่มีอยู่แล้วอย่างน้อยหลายหมื่นคนต่อวันต่อสาขา
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมี Positioning ที่ชัดเจนในการเป็น Center of Life ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกกลุ่ม รวมถึงเรายังสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มโอกาสในการมี Brand Exposure ดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้า loyalty
นอกจากนี้ลูกค้ายังคงให้การตอบรับการมาใช้บริการศูนย์การค้าของเราอย่างต่อเนื่อง โดยหลังคลายล็อคดาวน์ภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนที่ผ่านมา ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ มี Traffic Recovery ถึง 50-70% อีกด้วย และภายในไตรมาสที่ 4/2564 นี้ คาดว่าจะมี Traffic Recovery ประมาณ 70-80%
ด้านนายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า กลยุทธ์ที่ 2: ENSURE excellent services, facilities and synergies ถือเป็นหัวใจของร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ ในการทำธุรกิจร่วมกับศูนย์การค้า คือ การมี services & facilities ส่วนกลางที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเสมอ
ศูนย์การค้าเองมีการลงทุนในด้านต่างๆ ที่จะช่วยซัพพอร์ตธุรกิจของคู่ค้า ทำให้ scale up ได้รวดเร็วกว่าการทำสาขาสแตนด์อโลน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Hygiene & Safety Facility, แผนการตลาดช่วยดันยอดขายและช่วยในการสร้างแบรนด์, การทำ CRM Marketing รวมไปถึง Knowledge & Know-how อาทิ หลักสูตร Retail Academy และ CPN Lead ส่งเสริม SMEs ต่างๆ จาก Ecosystem ในเครือเซ็นทรัล
ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ที่ 3: EMPOWER with Big Data ซีพีเอ็นมีพาร์ทเนอร์ในเครือที่แข็งแกร่งอย่าง The 1 ซึ่งเป็น Digital Lifestyle & Loyalty Platform อันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยจุดแข็งของการเป็น Established Database ตัวจริงในวงการรีเทลมากว่า 15 ปี ซึ่งในส่วนการทำ CRM ระดับนี้หากแบรนด์ต้องลงทุนเองนับเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาล
ในขณะนี้เซ็นทรัลมีสมาชิก The 1 อยู่แล้วทั่วประเทศกว่า 18 ล้านคน มีสมาชิกที่ใช้งาน active สม่ำเสมอสูงถึงกว่า 8.4 ล้านคนต่อปี รวมถึงมีการสะสมคะแนนกว่า 14,000 ล้านคะแนนต่อปี นอกจากนี้เรายังมีอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยร้านค้าเข้าถึงศักยภาพตรงนี้นั่นคือ ‘The 1 Biz’ นั่นคือลูกค้าจะสามารถใช้จ่ายที่แบรนด์ร้านค้าที่เข้าร่วมและสามารถรับและแลกคะแนนได้ การที่ร้านค้าได้เข้ามาอยู่ใน Ecosystem นี้จะสามารถทำ CRM ได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
“กลยุทธ์นี้จะถูกนำไปต่อยอดให้กับพันธมิตรในศูนย์การค้าทั้ง 33 ศูนย์ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันรวมถึงอีก 2 ศูนย์ที่จะเปิดขึ้นใหม่ในอนาคตคือ เซ็นทรัล ศรีราชา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,200 ล้านบาทจะเปิดให้บริการในวันที่ 27 ต.ค. นี้ และเซ็นทรัล อยุธยา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ด้วย”
นายระวี พัวพรพงษ์ Head of Corporate Affairs and Relationship, The 1 กล่าวว่า การที่ The 1 ได้เข้ามาร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา Scaling Up ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประตูด่านแรกเข้าสู่โลกแห่งบิ๊กดาต้าอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยร้านค้าและแบรนด์ให้เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น สามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดในการจับกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำ วัดผลได้ และสร้างยอดขายได้จริง โดยจุดแข็งของ The 1 ที่จะช่วยติดสปีดให้กับธุรกิจคือ
The Powerful Digital Lifestyle & Loyalty Platform and Strong Ecosystem เรามีฐานสมาชิกร้านค้าใน Ecosystem ที่แข็งแกร่งทั้งในและนอก กลุ่มเซ็นทรัลทั่วประเทศ กว่า 2,000 แบรนด์ รวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 Touchpoints ที่เชื่อมโยงลูกค้ากว่า 18 ล้านรายผ่านแอปพลิเคชั่น The 1 ที่รวบรวมทั้งส่วนลด รีวอร์ด และคอนเทนต์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์
พร้อมทั้งฟีเจอร์ที่ช่วยในการช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้สะดวกสบายไร้รอยต่อ อาทิ การโอน-แลก-เช็คคะแนน, สแกนจ่าย, เช็คยอดใช้จ่าย ซึ่ง The 1 ได้มีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและเทรนด์การใช้งานของผู้บริโภคอยู่เสมอ สำหรับร้านค้า The 1 มี Partner Platform หรือ The 1 Biz ที่นำเสนอ Dynamic Business Intelligence Solutions ที่เสริมศักยภาพธุรกิจให้เติบโตไปกับเซ็นทรัลพัฒนา คาดภายในสิ้นปีมีแบรนด์เข้าร่วมกว่า 240 แบรนด์ จำนวนกว่า 1,000 ร้านค้า