ธุรกิจไมซ์ตกขบวน 4 สมาคมร้องนายกฯคลายล็อกดาวน์ดึง5แสนล้านขับเคลื่อนศก.

หลังจากศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ ยังไม่ได้รับการผ่อนผันจากศบค.ให้กลับมาเปิดได้ และยังคงต้องติดตามสถานการณ์ออกไปอีก 2-4 สัปดาห์ ส่งผลให้ขณะนี้ 4 สมาคมในอุตสาหกรรมไมซ์ จึงออกมาเรียกร้องขอให้รัฐเร่งพิจารณาคลายล็อกดาวน์ เพื่อให้ธุรกิจไมซ์สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

                                

นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 4 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ ได้แก่ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือTEA สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ TICA สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน หรือ (EMA) และสมาคมโรงแรมไทย (THA) ได้ทำหนังสือและเตรียมยื่นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ผ่อนผันให้กิจการและกิจกรรมด้านไมซ์กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ เพื่อให้ธุรกิจไมซ์ กลับมาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง เหมือนธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้าและบริการอื่นๆ

 

เนี่องจากที่ผ่านมาการจัดงานด้านไมซ์มีแนวปฏิบัติในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้น ตามมาตรการปกติใหม่ (new normal) ซึ่งสมาคมในอุตสาหกรรมไมซ์ ได้จัดทำขึ้นและได้รับความเห็นชอบจากสาธารณสุข และ ศบค. ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อใช้กำกับการดำเนินกิจการ และกิจกรรมต่างๆในช่วงเวลาที่ผ่านตั้งแต่การเข้าร่วมไปงานไปจนถึงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้รู้ข้อมูลของผู้ร่วมงานทุกราย และที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อรายใหม่ขึ้นในการจัดงานแต่อย่างใด

 

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดเมืองเปิดประเทศ ทั้ง 4 สมาคมจึงอยากร้องขอให้ผ่อนผันกิจกรรมไมซ์ด้วย เพื่อให้กลับมาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ในธุรกิจนี้และมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมนี้ร่วม 2.6 แสนคนในปี 62 เพราะการจัดงานด้านไมซ์จะทำให้เกิดการลงทุน และส่งผลให้ดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้า และการบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญในการจัดงานด้านไมซ์ โดยเฉพาะอีเว้นท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ เอ็กซ์โป หรืออื่นๆ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาคลายล็อกดาวน์โดยเร็ว เนื่องจากการจัดงานต้องใช้เวลาเตรียมงานล่วงหน้า 1-2 เดือน ไม่เหมือนธุรกิจอื่นที่รัฐบาลคลายล็อกแล้วก็สามารถเปิดให้บริการได้ทันที จึงอยากขอความเห็นใจจากภาครัฐด้วย

                                               

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่าทางสมาคมภัตตาคารไทยได้ทำหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรการCOVID Free Setting สำหรับร้านอาหารที่ต้องให้พนักงานฉีควัคซีน ครบ 2 เข็มหรือมีการสุ่มตรวจ ATK พนักงานกลุ่มเสี่ยง จากวัน 1 ต.ค.นี้ ไปเป็นสิ้นเดือนต.ค.นี้

 

 

 

เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรให้กับบุคลากรร้านอาหารตามที่สมาคมภัตตาคารไทยได้ร้องขอไป 2 รอบ รอบแรก 37,000 คนและรอบที่ 2 จำนวน 63,000 คน ซึ่งรอบที่ 2 อยู่ในขั้นรอฉีดเข็ม 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางเดือนต.ค.นี้ โดยเป็นบุคลากรร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด

 

ส่วนมาตรการให้ตรวจ ATK ปัจจุบันพบว่ามีอุปสรรคในด้านราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ผู้ประกอบการยังไม่พร้อมเพิ่มภาระต้นทุนในส่วนนี้ การดำเนินการแจกจ่าย ATK ของภาครัฐก็ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ และการเลื่อนออกไปก็เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาเพิ่มเติมในการจัดหาชุดตรวจ ATK เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนมากประสบปัญหาทางการเงินและเพิ่งจะกลับมาให้บริการนั่งรับประทานในร้านได้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงอยากให้พิจารณาเลื่อนเวลาปิดไปเป็นเวลา 22.00 น. เพื่อให้ร้านอาหารมีเวลาขายได้เพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 30 ก.ย.64 ที่ประชุมศบศ.ยังเห็นชอบในหลักการขยายผลและพลิกโฉมการท่องเที่ยวภูเก็ต เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก รวมทั้งแนวทางการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อใช้พลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย และการประกาศส่งเสริมท่องเที่ยวปี2565 Amazing ยิ่งกว่าเดิม (Visit Thailand 2022)

 

ข่าวหน้า1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่41 ฉบับที่ 3,719 วันที่3-6 ตุลาคม พ.ศ.2564