นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ หรือ ก.ต. อยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เพื่อพัฒนาระบบ Thailand Pass รับรองการเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งระบบนี้ จะเป็นระบบ web-based ให้ผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารต่าง ๆ ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย แทนการออกเอกสาร Certificate of Entry หรือ COE เพื่อลดขั้นตอนการกรอก/อัพโหลดเอกสารของผู้เดินทางก่อนเข้าประเทศไทยผ่าน www.tp.consular.go.th
ส่วน Vaccination Certification กรมควบคุมโรค จะเป็นผู้อนุมัติผ่าน back office ของระบบ Thailand Pass โดยขณะนี้ ไทยได้รับ เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ หรือ PKI ของ vaccine certificate จากประมาณ 30 ประเทศ เพื่อใช้เตรียมการสำหรับการตรวจสอบแล้ว ส่วนประเทศที่ยังไม่ได้รับ PKI ยังคงตรวจสอบเอกสารในลักษณะแบบเดิม โดยคาดว่า ระบบดังกล่าว จะสามารถใช้งานได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติ จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่
1. ประเทศเสี่ยงต่ำและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง จำนวน 46 ประเทศ/พื้นที่ ซึ่งฉีดวัคซีนครบโดส ไม่กักตัว ทั่วประเทศ
2.นักท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ ที่เหลือ และฉีดวัคซีนแล้ว สามารถท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว 7 วันในพื้นที่สีฟ้า (บลูโซน)
3. หากไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์จากทุกประเทศทั่วโลกก็เข้าสู่กระบวนการกักตัวใน AQ จำนวน 10 วัน (ทางอากาศ) และจำนวน 14 วัน (ทางบก)
นักท่องเที่ยวใน 3 กลุ่มนี้ทั้งคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย จะต้องยื่นเอกสารการประกอบการเดินทางเข้าไทยผ่านwww.tp.consular.go.th เพื่อตรวจสอบข้อมูล โดยนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่ 1 (46 ประเทศ/พื้นที่) ที่ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และกลุ่มที่ 2 ( ทุกประเทศ) ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าไทยไม่กักตัวในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว จะต้องมีเอกสารการได้รับวัคซีนและหลักฐานการชำระค่าที่พักรวมค่าตรวจโควิด-19 ส่วนกลุ่มที่ 3 (กลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน) ต้องมีหลักฐานการชำระค่าที่พัก AQ ถ้าข้อมูลพร้อมก็จะได้รับยืนยันผลการอนุมัติพร้อมกับรับ THAILAND PASS QR CODE เพื่อนำมาสแกนเมื่อเดินทางเข้าถึงท่าอากาศยานในไทย ก่อนผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง