ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า “โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ “สยาม ธารา โฟลทติ้ง” เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ TSE ได้มีส่วนร่วมในการผลิตพลังงานสะอาดเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและชุมชน และเป็นก้าวย่างสำคัญเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Neutrality) อย่างแท้จริง เราเชื่อว่าพลังงานจากแสงอาทิตย์จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นการเข้าสู่สังคมไร้คาร์บอนในอนาคต”
ทั้งนี้โครงการ โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ “สยาม ธารา โฟลทติ้ง” (STF) เป็นโครงการนำร่องภาคเอกชนแห่งแรกของบริษัท สยาม ธารา โฟลทติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท ขนาดกำลังผลิตติดตั้งและเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ ดำเนินการภายใต้อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้แก่ บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AHTH ระยะเวลา 25 ปี (Private PPA) ใช้พื้นที่ดำเนินการของโครงการทั้งหมดประมาณ 69 ไร่ โดยได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา
และได้ทำพิธีเปิดตัวโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือ โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ อย่างเป็นทางการ มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยมีลูกค้าภาคเอกชนและทีมผู้บริหารของพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมงาน ณ โครงการของบริษัท เขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำแห่งนี้ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า AHTH ที่เล็งเห็นความสำคัญในการใช้พลังงานสะอาด และช่วยตอบสนองนโยบาย Green Energy สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เองถึง 12.5 ล้านหน่วยต่อปี (12.5 GWh/year) โดยได้นำพื้นที่บ่อน้ำในโครงการของบริษัทมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แก่ชุมชนในท้องที่ให้ทราบถึงการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้งานอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด รวมทั้ง บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่ง TSE ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบโครงการร่วมกับทีม SCG Chemicals
“บริษัทฯ มุ่นมั่นที่จะขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานทดแทนรูปแบบอื่นๆ ตามนโยบายการสนับสนุนการลงทุนในพลังงานทดแทนของภาครัฐ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”