ในเรื่องการสืบทอดกิจการของธุรกิจครอบครัวนั้นกล่าวกันว่ามีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่สามารถเอาตัวรอดก้าวไปสู่รุ่นที่ 2 ได้หลังจากยุคผู้ก่อตั้ง จากการศึกษาดั้งเดิมบอกว่าบริษัทเหล่านี้ต้องสะดุดลงเพราะเจ้าของไม่มีการวางแผนการสืบทอดกิจการ หรือคนรุ่นใหม่ไม่พร้อมที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้นำ แต่ก็พบว่าบางครั้งเจ้าของก็เป็นผู้ตัดสินใจหยุดดำเนินกิจการนั้นเสียเอง
อันทำให้มีผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวของตนเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วผู้บริหารที่เป็นเจ้าของต้องเป็นผู้สร้างและรักษาคุณค่าของผู้ประกอบการและมีผลกระทบต่อทั้งความทุ่มเทและผลการปฏิบัติงานในบริษัท และช่วยบริษัทจัดการความขัดแย้งได้ แต่หากพวกเขาออกไปก่อนที่ผู้นำคนต่อไปจะพร้อมเข้ามารับช่วงต่อก็อาจทำให้บริษัทล่มสลายตามไปด้วย
มีงานวิจัยที่ศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในงานและความตั้งใจที่จะอยู่กับธุรกิจต่อไปของผู้บริหารที่เป็นเจ้าของ โดยเก็บข้อมูลในกลุ่มผู้บริหารที่เป็นเจ้าของธุรกิจครอบครัวจำนวน 155 รายที่ดำเนินธุรกิจระหว่างปีค.ศ1997-2002 ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์และสำรวจด้วยแบบสอบถามที่พิจารณาถึงอิทธิพลของตัวแปร 7 ตัว
ที่ส่งผล 2 ด้าน ได้แก่ ความพึงพอใจของเจ้าของ และความตั้งใจของเจ้าของที่จะอยู่หรือออกจากบริษัท ซึ่ง 3 ใน 7 ตัวแปร พิจารณาที่ตัวเจ้าของเอง ได้แก่ อายุ ประสบการณ์ที่ผ่านมากับธุรกิจอื่นๆ และเจ้าของเป็นผู้ก่อตั้ง/ไม่ได้ก่อตั้ง
ขณะที่อีก 4 ตัวแปรพิจารณาคุณลักษณะของบริษัท ได้แก่ มีแผนสืบทอดกิจการหรือไม่ ระดับของความขัดแย้ง ความสามารถในการทำกำไรและขนาดบริษัท โดยพิจารณาผลกระทบของปัจจัยทั้ง 7 ที่มีต่อ “ความพึงพอใจ” และ “ความตั้งใจที่จะอยู่หรือออกจากบริษัท” ของเจ้าของ ผลการศึกษาพบว่าบริษัทที่มีความสามารถทำกำไรและมีขนาดใหญ่มากขึ้นทำให้เจ้าของมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อ ขณะที่ความขัดแย้งอาจผลักไสพวกเขาออกไปจากบริษัท
โดยข้อค้นพบจากการศึกษาสามารถสรุปได้ดังนี้
- บริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรจะทำให้เจ้าของพึงพอใจในงานมากกว่า และความขัดแย้งทำให้เจ้าของไม่พึงพอใจในงาน
- ขนาดบริษัทและการวางแผนสืบทอดกิจการไม่มีผลกระทบต่อความพึงพอใจในงานของเจ้าของ
- คุณลักษณะของบริษัทมีผลกระทบต่อการตั้งใจจะอยู่หรือออกไปจากบริษัท โดยบริษัทที่ใหญ่และมีกำไรมากกว่าทำให้เจ้าของมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อ และความขัดแย้งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะลาออกมากขึ้น ขณะที่การวางแผนสืบทอดกิจการไม่มีผลกระทบต่อการที่พวกเขาอยู่หรือจากไป
นัยสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการจากการศึกษานี้คือลักษณะของบริษัทมีผลกระทบมากกว่าลักษณะของเจ้าของไม่ว่าธุรกิจครอบครัวจะส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปหรือไม่ และในขณะที่การวิจัยจำนวนมากมุ่งเน้นไปที่การวางแผนสืบทอดกิจการเพื่อให้แน่ใจว่าการส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ แต่การศึกษานี้กลับชี้ว่าควรพิจารณากลยุทธ์อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น พบว่าการทำกำไรที่ต่ำและความขัดแย้งสูงทำให้เจ้าของพึงพอใจน้อยลงและมีแนวโน้มที่จะออกไปจากบริษัทมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าเจ้าของ นักวิจัย และที่ปรึกษาควรมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวให้มีผลกำไรมากขึ้น สร้างความมั่นใจว่าเจ้าของจะมีความสุขและไม่วางมือออกไปก่อนที่ผู้นำคนใหม่จะพร้อม โดยอาจมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้บริษัทเติบโต
ซึ่งพบว่าสามารถเพิ่มความเต็มใจของเจ้าของที่จะอยู่ต่อไป และในการส่งเสริมแนวทางการจัดการ เช่น การทำงานร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้ง นอกจากนี้ผู้บริหารที่เป็นเจ้าของกิจการที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีอาจช่วยลดผลกระทบจากการแก่ชราและช่วยให้การถ่ายโอนกิจการราบรื่นขึ้นอีกด้วย
ที่มา: Hoffman, J., Sorenson, R., & Brigham, K. (2020, January 15). Surprising reasons owners exit family businesses. Entrepreneur & Innovation Exchange. Retrieved October 24, 2021, from https://familybusiness.org/content/surprising-reasons-owners-exit-family-businesses
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,729 วันที่ 7 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564