เจโทร กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) จัดทำ โครงการ “JAPAN MALL (ไทย)” เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากญี่ปุ่นผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ คู่ขนานไปกับช่องทางจำหน่ายหน้าร้านอีกครั้ง โดยโครงการในปีนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 ส.ค. ถึงต้นปีหน้า (9 ม.ค.65)
พันธมิตรโครงการได้แก่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง “Lazada” และแพลตฟอร์มเครื่องสำอางชั้นแนวหน้าอย่าง “Konvy” นอกจากนี้ ยังมี “ช้อปปี้” (Shopee) ที่เข้าร่วมโครงการเป็นครั้งแรก ซึ่งในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อวันที่ 1 ส.ค.นั้น ยอดขายรายเดือนของปีนี้ได้เพิ่มมากถึงประมาณ 2 เท่าเมื่อเทียบกับโครงการในปีก่อน
นายทาเคทานิ ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ประเทศไทยนั้น พบว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปี 2564 มีการเติบโตขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะมีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและเติบโตขึ้นทุกปี
“ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจโครงการนี้ ผมรู้สึกดีใจที่ผู้บริโภคชาวไทยทุกท่านได้ลองใช้เครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากญี่ปุ่นผ่านโครงการของเรา และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปนี้ จะได้รับความร่วมมือเพิ่มเติมจาก Shopee , มัทสึโมโตะ คิโยชิ และ ซูรูฮะ ซึ่งจะทำให้โครงการ JAPAN MALL (ไทย) 2021 ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นในตลาดไทยที่เต็มไปด้วยศักยภาพ ผมหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ชาวไทยได้พบกับเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันที่ถูกใจจากญี่ปุ่น เพื่อให้การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นเติบโตยิ่งๆขึ้นต่อไป” ประธานเจโทรกล่าว
ทั้งนี้ หมวดสินค้าหลักใน “JAPAN MALL (ไทย) 2021” คือ สินค้าสุขภาพกับความงาม ซึ่งได้รวบรวมเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากทั่วญี่ปุ่น และมีผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก มากถึง 1,514 ประเภทจาก 111 แบรนด์สินค้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั่วประเทศญี่ปุ่นโดยความร่วมมือของบายเออร์สินค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย (บริษัทนำเข้าเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวัน) อย่าง “โมริโตโม” “อาราตะ” และ “โอยามา”
โดยเฉพาะในปีนี้เทรนด์ความใส่ใจดูแลสุขภาพและสุขอนามัยทั้งทางร่างกายและจิตใจได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ทางโครงการจึงได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าและผิวกาย เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและผลิตภัณฑ์สกินแคร์
ด้านนายศิวกร สิริวงศ์ภานุพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการก็ต้องหันมาพึ่งพาช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ‘ช้อปปี้’ ในฐานะอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มชั้นนำ จึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจาก JETRO ให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ JAPAN MALL (ไทย) 2021 ครั้งนี้
“ด้วยการประยุกต์ใช้จุดแข็งของช้อปปี้ทั้งในแง่ของฐานผู้ใช้งานที่ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย และทั่วทั้งประเทศ ระบบนิเวศที่ครบวงจร การใช้งานที่ง่ายจากกลยุทธ์โมบายเฟิร์ส (Mobile First) ผนวกเข้ากับความชำนาญในการจัดแคมเปญและการสื่อสารการตลาดผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ช้อปปี้เชื่อว่า การเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ JAPAN MALL จะช่วยบรรเทาผลกระทบแก่ผู้ประกอบการ และผลักดันการเติบโตทางธุรกิจในมิติใหม่ ๆ ไปสู่ความยั่งยืนต่อไปในอนาคต พร้อม ๆกับภูมิทัศน์ของเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
นายฮิเดโยชิ สุงิโมโตะ รองประธานบริษัท เซ็นทรัล และ มัทสึโมโตะ คิโยชิ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในปีนี้สาขาต่างๆ ของมัทสึโมโตะ คิโยชิ ดำเนินการสนับสนุนโครงการ JAPAN MALL (ไทย) 2021 เหมือนเคย เขาเชื่อว่า ผู้บริโภคชาวไทยจะเพลิดเพลินกับการรับชม สัมผัส และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากญี่ปุ่น ขณะที่นายไดสึเกะ ยาโนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า โครงการ JAPAN MALL จะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ทำความรู้จักข้อดีของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น และมีทางเลือกที่หลากหลายในการเลือกใช้สินค้าในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ ระยะเวลาของโครงการ JAPAN MALL (ไทย) 2021 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2564 จะมีไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2565 โดยมีบริษัทจากญี่ปุ่น 111 บริษัท นำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวัน 1,514 ชนิดเข้าร่วมโครงการ นำเสนอผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada, Konvy และ Shopee รวมทั้งช่องทางจำหน่ายหน้าร้าน เช่นที่ร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ (19 สาขา) และซูรูฮะ (22 สาขา)