“ช้อปดีมีคืน” ไม้ตายปลุกกำลังซื้อคนไทย คาดเงินสะพัด 3-4 แสนล้าน

09 พ.ย. 2564 | 04:42 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2564 | 11:43 น.

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย วอนรัฐชงมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ไม้ตายกระทุ้งกำลังซื้อคนไทย เป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนที่สุด คาดเงินสะพัด 3 - 4 แสนล้านบาท

หนึ่งในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทยตระหนักและนำเสนอต่อเนื่องคือ “ช้อปดีมีคืน” โดยยื่นหนังสือถึงรัฐบาลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564  ขณะที่คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ก็มีแนวคิดในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นเดียวกัน ดังนั้นสมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงเดินหน้าผลักดันให้รัฐบาลปลดล็อกโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้งในไตรมาส 4 นี้

 

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า โค้งสุดท้ายของปีการออกมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งเดินหน้าผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังและเร่งด่วน

ญนน์ โภคทรัพย์

โดยเฉพาะไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสที่สำคัญที่สุดในการเร่งฟื้นฟู รวมทั้งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะปลุกมู้ดให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้สะพัดขึ้นภายในประเทศ และผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในโครงการช้อปดีมีคืน

 

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จึงขอเสนอให้รัฐนำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ในโค้งสุดท้ายของปี 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

1. ระยะเวลาตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2564 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2564

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชงมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”

2. กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 - 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่มีการจำกัดเงื่อนไขและไม่จำกัดสิทธิกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 - 2.0 ล้านคน

 

3. ขยายวงเงินเป็น 200,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท (ในปี 2563) คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่     3 - 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.7 - 1.0%

 

ทั้งนี้ “ช้อปดีมีคืน” เป็นโครงการที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมูลค่าสูงที่สุด โดยสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุดในระยะเวลาอันสั้น โดยรัฐบาลใช้งบประมาณเพียง 15,000 - 20,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษี จึงถือเป็นบาซูก้าทางการคลัง ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้อย่างมหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็วและใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อย

 

“เชื่อว่า “ช้อปดีมีคืน” เป็นไม้ตายสุดท้ายของปีนี้ที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน สร้างเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การกระตุ้น Local Consumption ผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงให้จับจ่ายใช้สอยจะเป็นกุญแจสำคัญและเป็นการเพิ่มเม็ดเงินโดยทันที เพราะเราไม่สามารถรอรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเข้ามาในประเทศได้ไม่เต็มที่โค้งสุดท้ายของปีนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุด”